7 สัญญาณเตือนโรคเบาหวาน รีบป้องกันก่อนเป็นหนัก
เขียนเมื่อวันที่ 13/07/2021
โรคเบาหวานสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม
โรคเบาหวานเป็นโรคที่มีอัตราผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี โดยเป็นโรคเรื้อรังที่เกิดจากการเผาผลาญการที่ไม่สามารถนำน้ำตาลในร่างกายไปใช้ได้ตามปกติ มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น นำไปสู่ความเสียหายร้ายแรงต่ออวัยวะอื่น เช่น หัวใจ หลอดเลือด ตับ ไต และเส้นประสาท ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อร่างกายดื้อต่ออินซูลินหรือสร้างอินซูลินได้ไม่เพียงพอ ในปัจจุบันทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคเบาหวานประมาณ 422 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตราว 1.6 ล้านคนต่อปี และมีแนวโน้มของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
สัญญาณเตือนโรคเบาหวาน
โรคเบาหวานทุกประเภทสามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนหลาย ๆ ส่วนของอวัยวะในร่างกาย เช่น ไตวาย เบาหวานขึ้นตาทำให้สูญเสียการมองเห็น ความเสียหายของระบบประสาทรวมถึงมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งโรคเบาหวานที่เกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์ก็มีความเสี่ยงต่อเด็กในครรภ์และภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้ อาการโรคเบาหวานในช่วงแรกแทบไม่มีความผิดปกติหรือความรุนแรง มีเพียงอาการเล็กน้อยที่เกิดขึ้น แต่ก็มีสัญญาณเตือนที่สามารถสังเกตตัวเองเบื้องต้นว่ามีความเสี่ยงป่วยเป็นเบาหวาน ดังนี้
ตรวจเช็คน้ำตาลในเลือดป้องกันโรคเบาหวาน
- มีอาการปัสสาวะบ่อยครั้งละมาก ๆ โดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืน
ผู้ป่วยเบาหวานบริเวณตับอ่อนจะไม่สามารถผลิตอินซูลินได้ตามปกติหรือผลิตออกมาได้น้อยมาก ไม่เพียงพอต่อปริมาณที่ร่างกายต้องการ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงไตที่ทำหน้าที่กรองของเสียจากเลือด ไม่สามารถกรองน้ำตาลได้ทั้งหมดทำให้น้ำตาลและน้ำถูกขับออกมาเป็นปัสสาวะ เกิดการปัสสาวะบ่อยและปัสสาวะครั้งละมาก ๆ
- ดื่มน้ำบ่อยและร่างกายรู้สึกกระหายน้ำ
เมื่อร่างกายเกิดการปัสสาวะบ่อยครั้งละปริมาณที่มาก ส่งผลให้ร่างกายเกิดอาการขาดน้ำ หากเกิดการขาดน้ำในปริมาณมากอาจทำให้ช็อคได้
- น้ำหนักลด
เมื่อร่างกายไม่สามารถเผาผลาญน้ำตาลที่มีอยู่ในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ร่างกายจึงสลายไขมันไตรกลีเซอไรด์บริเวณใต้ผิวหนังมาใช้แทนพลังน้ำเดิม ทำให้น้ำหนักลดลง หรือในผู้ป่วยบางรายอาจมีน้ำหนักเพิ่ม ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคเบาหวานที่เป็น
- มีอาการอ่อนเพลีย
ร่างกายจะมีอาการเหนื่อยและอ่อนเพลียได้ง่ายกว่าปกติ เพราะร่างกายของผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานไม่สามารถนำน้ำตาลมาเผาผลาญและใช้เป็นพลังงานได้อย่างเพียงพอ
- บาดแผลหายช้า
เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกิดการไหลเวียนเลือดที่ไม่ดีเนื่องจากการสะสมของชั้นไขมัน ทำให้ระบบการรักษาซ่อมแซมร่างกายทำงานได้ช้าลง ทำให้เมื่อเกิดแผลหรือรอยช้ำแล้วจะหายช้ากว่าปกติ
- สายตาพร่ามัวและเกิดอาการชาบริเวณปลายมือ ปลายเท้า
เกิดได้จากการที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้เกิดความผิดปกติของบริเวณจอประสาทตา หรือเกิดการคั่งของน้ำตาลที่บริเวณเลนส์ตา ทำให้จอประสาทตาผิดปกติและเกิดการพร่ามัว
- รู้สึกชาบริเวณปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า
อาการของโรคเบาหวานที่เกิดจากภาวะแทรกซ้อนของระบบประสาท คืออาการชาบริเวณปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า
*ดังนั้นผู้ที่ระดับดับน้ำตาลสูงกว่าเกณฑ์ 126 มก./ดล.จึงไม่มีการแสดงอาการใด ๆ แต่สามารถตรวจพบได้ด้วยการตรวจสุขภาพประจำปี
โรคเบาหวานการป้องกันสามารถเริ่มต้นได้ที่การดูแลสุขภาพร่างกายของตนเอง ด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ควบคุมความดันโลหิตและปริมาณไขมันในร่างกาย ควรทำการตรวจคัดกรองโรคเบาหวานเป็นประจำทุกปี หากตรวจพบโรคจะสามารถทำการรักษาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ รวมถึงการเลือกทำประกันภัยสุขภาพสำหรับวางแผนการใช้จ่ายเมื่อยามเจ็บป่วยในอนาคต กับแผนประกันภัยสุขภาพ วิริยะประกันภัยอุ่นใจรักษ์ โกลด์ ที่ให้ความคุ้มครองสูงสุด 5,000,000 บาท/ครั้ง* ค่าห้องสูงสุด 15,000 บาท/วัน* สามารถเข้ารับการรักษาโรงพยาบาลชั้นนำในเครือ BDMS ฮักส์ยินดีให้คำแนะนำการเลือกซื้อประกันภัยสุขภาพที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตแ ละความคุ้มครองในแบบที่คุณต้องการ ติดต่อฮักส์ได้ผ่านช่องทาง Facebook Line หรือ โทร 0 2975 5855
อ้างอิงข้อมูล: องค์การอนามัยโลก (WHO), Pobpad