H10N3 ไข้หวัดนกในจีนมีอาการยังไง อันตรายไหม

เขียนเมื่อวันที่ 10/07/2021

ทำความรู้จักไข้หวัดนก H10n3 คืออะไร อาการรุนแรงไหม

ก่อนที่จะมีเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดในขณะนี้ เคยมีไข้หวัดนกเป็นโรคที่เคยระบาดหนักทั่วโลกในช่วงปี พ.ศ. 2547-2549 มาก่อน พบทั้งในนกและสัตว์ปีกกับไข้หวัดนก H5N1 และสายพันธุ์อื่น ๆ ตามมา อาทิ H9N2 และ H7N7 ทำให้สัตว์ปีกที่ติดเชื้อมีอาการรุนแรงและตายลงอย่างรวดเร็ว โรคไข้หวัดนกสามารถติดต่อจากสัตว์ปีกสู่คนได้ โดยจะมีอาการไข้และอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ปอดอักเสบ มีอาการไอ รวมถึงรู้สึกเหนื่อยง่าย ถือเป็นการระบาดของโรคไข้หวัดนกในสัตว์ปีกครั้งใหญ่ในเอเชีย เช่น เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย เวียดนาม ไทย ไต้หวัน ญี่ปุ่น ลาว ฮ่องกง และจีน

ล่าสุดได้มีการเปิดเผยจากสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) พบชายอายุ 41 ปี อาศัยอยู่ที่เมืองเจิ้นเจียง มณฑลเจียงซู ประเทศจีน ได้รับการยืนยันว่าเป็นผู้ป่วยรายแรกที่ติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ H10N3 โดยชายผู้นี้อาศัยอยู่ในเมืองเจิ้นเจียง เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในช่วงเดือนเมษายน และได้รับการวินิจฉัยว่าติดไข้หวัดนก H10N3 โดยมีไข้และอาการผิดปกติอื่น ๆ ของร่างกาย สำหรับผู้ที่มีความใกล้ชิดกับผู้ป่วยได้มีการเฝ้าระวังและอยู่ภายใต้การสังเกตการณ์ของแพทย์ แต่ยังไม่พบความผิดปกติอื่น ๆ ทางศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน ได้มีการเปิดเผยว่าจากตัวอย่างสารคัดหลั่งของผู้ป่วย ผลพบเชื้อเป็นบวกบ่งชี้ว่าเชื้อไวรัสดังกล่าวมีต้นต่อมาจากสัตว์ปีกแต่ไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะทำให้แพร่จากคนสู่คน มีความเสี่ยงน้อยที่จะทำให้เกิดการระบาดเป็นวงกว้าง 

ความรู้เกี่ยวกับโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ H10N3

• ทางด้านองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ระบุว่าเชื้อไวรัสชนิดนี้ไม่ค่อยมีใครรู้จัก ซึ่งพบได้ยากในนกและไม่ก่อให้เกิดเป็นโรคร้ายแรง
• ทางด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่ทราบแหล่งที่มาหรือต้นของการสัมผัสเชื้อไวรัส H10N3 ของผู้ป่วย และยังไม่มีการพบกรณีอื่น ๆ สำหรับการติดเชื้อของประชากรในท้องถิ่น รวมถึงยังไม่มีสัญญาณของการแพร่เชื้อไวรัสชนิดนี้จากคนสู่คน

มีเชื้อไข้หวัดนกบางสายพันธุ์ที่มีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อนกหรือสัตว์ปีก และมีความรุนแรงของเชื้อมากกว่าในมนุษย์ อาทิ สายพันธุ์ H7N9 ที่คร่าชีวิตผู้คนไปเกือบ 300 ราย ในช่วงฤดูหนาวปี 2559-2560 ของประเทศจีน องค์การอนามัยโลกกล่าวว่าเป็นกรณีที่หายากสำหรับการแพร่กระจายของไวรัส H7N9 จากคนสู่คน

เชื้อไวรัสไข้หวัดนกในประเทศจีน

ความเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H10N3 คืออะไร?

ความเสี่ยงในการติดเชื้อ H10N3 นั้นมีโอกาสต่ำมาก โดยผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่ากรณีพบการติดเชื้อไข้หวัดนกดังกล่าว เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวในประเทศจีนที่มีประชากรจำนวนมาก พบได้ทั้งนกในฟาร์มและนกป่าหลายชนิด และด้วยการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกในประชากรมนุษย์เพิ่มมากขึ้น ทำให้การติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกเป็นไปได้ยาก

การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก 2564

ในเดือนกุมภาพันธ์ประเทศรัสเซียได้รายงานการติดเชื้อไวรัส H5N8 ในมนุษย์เป็นครั้งแรก สร้างความเสียหายอย่างมากต่อฟาร์มสัตว์ปีกทั่วยุโรป รัสเซีย และเอเชียตะวันออกในช่วงฤดูหนาวปี 2020 มีผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ A (H5N8) เป็นครั้งแรกที่มีรายงานการตรวจพบไข้หวัดนกสายพันธุ์นี้ในมนุษย์ จำนวน 7 ราย อยู่ในช่วงอายุ 29-60 ปี และไม่พบอาการใด ๆ ในขณะติดเชื้อ การติดเชื้อในมนุษย์เกิดขึ้นที่ฟาร์มสัตว์ปีกเมือง Astrakhan สหพันธรัฐรัสเซีย โดยผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าไวรัสไข้หวัดนกแพร่กระจายในสัตว์ปีก เมื่อพบการติดเชื้อไข้หวัดนกในมนุษย์เป็นระยะๆ จึงไม่น่าแปลกใจ แต่เป็นสิ่งเตือนใจอย่างชัดเจนว่าภัยคุกคามจากการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ยังคงมีอยู่ สามารถกลายพันธุ์อย่างรวดเร็วและผสมกับสายพันธุ์อื่น ๆ ที่หมุนเวียนอยู่ภายในฟาร์มหรือในหมู่นกอพยพได้ ซึ่งหมายความว่าเชื้อไวรัสไข้หวัดนกที่มีต้นตอมาจากไข้หวัดใหญ่ สามารถเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมที่เป็นภัยคุกคามต่อมนุษย์ได้

สำหรับไข้หวัดนก H10N3 ยังไม่มีการเผยแพร่ลำดับพันธุกรรมของไวรัสที่ผู้ป่วยติดเชื้อ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ต้องการทราบว่า H10N3 สามารถแพร่เชื้อในเซลล์ของมนุษย์ได้ง่ายเพียงใด เพื่อประเมินความเสี่ยงของการแพร่ระบาด เช่น ไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N1 ที่พบผู้ติดเชื้อครั้งแรกในปี 1997 นั้นเป็นการระบาดร้ายแรงที่สุด โดยคร่าชีวิตผู้คนไป 455 คนทั่วโลก เชื้อไข้หวัดนก H5N1 ใช้ระยะเวลาไม่นานในการกลายพันธุ์ ก่อนกลายเป็นเชื้อที่สามารถแพร่ระบาดจากคนสู่คน หากไข้หวัดนก H10N3 ทราบตัวแปรสาเหตุและสายพันธุ์ที่ชัดเจน จะสามารถประเมินได้ว่าเป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดนกที่ควรกังวลและต้องเฝ้าระวังหรือไม่ 

ถึงแม้โรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ H10N3 เป็นเชื้อที่ไม่รุนแรงแต่ไม่อาจนิ่งนอนใจ ควรเตรียมความพร้อมให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัยต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ดีที่สุด รวมถึงดูแลร่างกายด้วยการตรวจสุขภาพประจำปีเป็นประจำ และเลือกทำประกันภัยสุขภาพ หากเกิดเจ็บป่วยฉุกเฉินจะได้หมดกังวลในเรื่องของค่าใช้จ่ายในการรักษา กับแผนประกันภัยสุขภาพวิริยะอุ่นใจรักษ์ โกลด์ ความคุ้มครองสูงสุด 5,000,000 บาท/ครั้ง* ค่าห้องสูงสุด 15,000 บาท/วัน* ค่ารักษา แพทย์ ผ่าตัด จ่ายตามจริง พร้อมเข้ารับการรักษาโรงพยาบาลชั้นนำเครือ BDMS ไม่ต้องสำรองจ่าย กับค่าเบี้ยเริ่มต้น 13,284 บาท/ปี ฮักส์ยินดีให้คำแนะนำการเลือกทำประกันภัยสุขภาพให้เหมาะสำหรับคนยุคใหม่ตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการและทุกไลฟ์สไตล์ สามารถติดต่อฮักส์ได้ผ่านช่องทาง Facebook Line หรือ โทร 0 2975 5855

อ้างอิงข้อมูล : Reuters, Euro.WHO