รถญี่ปุ่น VS รถยุโรป ซื้อแบบไหนดี หาข้อมูลก่อนตัดสินใจ
เขียนเมื่อวันที่ 09/02/2022
ทำความรู้จัก! รถญี่ปุ่น VS รถยุโรป ต่างกันยังไง? ซื้อแบบไหนดีกว่ากัน
รถยนต์ยานพาหนะที่สำคัญในการขับขี่และเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ นอกจากความเป็นส่วนตัวยังให้ความสะดวกสบายในการเดินทางอีกด้วย นอกจากนี้ตัวเลือกรถยนต์ในปัจจุบันนั้นมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสัญชาติของรถ ยี่ห้อรถ รุ่นรถ ไปจนถึงช่วงราคาที่มีการผลิตออกมาหลายแบบ ให้ผู้คนได้เลือกซื้อรถยนต์ที่ตอบโจทย์การใช้งานและความต้องการ
แน่นอนว่าสำหรับคนที่กำลังเตรียมมองหารถยนต์ใหม่ป้ายแดง คงคุ้นเคยกันมาบ้างว่ารถยนต์ส่วนใหญ่ที่จำหน่ายในปัจจุบันหลัก ๆ มีอยู่ 2 สัญชาติคือรถยนต์ญี่ปุ่นและรถยนต์ยุโรป ซึ่งก็มีข้อเปรียบเทียบกันว่าหากต้องการซื้อรถยนต์สักหนึ่งคันควรเลือกซื้อรถญี่ปุ่นหรือรถยุโรปดี เลือกแบบไหนดีกว่ากัน และรถยนต์ทั้ง 2 สัญชาตินี้มีความแตกต่างกันอย่างไร HUGS Insurance ได้รวบรวมคำตอบและข้อมูลที่น่าสนใจมาฝากกัน
รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น
รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น
โดยทั่วไปแล้วรถญี่ปุ่นถือว่าเป็นรถแบบทั่วไปที่รู้จักกันดีในตลาดรถยนต์ มีหลายแบรนด์ที่คุ้นหูและรู้จักกันดีอย่าง โตโยต้า เล็กซัส ฮอนด้า นิสสัน มิตซูบิชิ มาสด้า อีซูซุ ซูซูกิ และซูบารุ ที่ถือเป็นแบรนด์ยอดนิยมของคนทั่วไป ทั้งยังมีหลายรุ่นหลายฟังก์ชันส์รถยนต์ให้ได้เลือกอยู่เสมอ รวมถึงรถญี่ปุ่นก็มีข้อดีมากมายที่ทำให้ใครหลายคนติดใจใช้แต่รถญี่ปุ่น ดังนี้
- ราคาประหยัดโดยราคารถญี่ปุ่นจะเริ่มที่หลักแสนกลาง ๆ ทั้งยังมีให้เลือกหลายยี่ห้อหลายรุ่น
- มีโรงงานผลิตในไทยจึงทำให้การบำรุงรักษาหรือการจัดซื้ออะไหล่สามารถจัดหาได้ง่ายและมีราคาไม่สูง
- รถญี่ปุ่นสามารถขายต่อมือสองได้ในราคาดี
- ประหยัดน้ำมันเนื่องจากในปัจจุบันรถญี่ปุ่นมีหลายรุ่นที่ผลิตเป็น Eco Car ที่เน้นในเรื่องการประหยัดน้ำมันโดยเฉพาะ รวมถึงรถไฮบริดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- มีรูปลักษณ์ที่หลากหลายปัจจุบันรถญี่ปุ่นมีรูปแบบรถที่หลากหลายทั้งรถยนต์ 4 ประตู รถกระบะ รถยนต์ 7 ที่นั่ง ทั้งยังมีการปรับดีไซน์รถแบบต่าง ๆ เพื่อให้ตอบรับความต้องการของผู้ใช้ ซึ่งล่าสุดรถญี่ปุ่นรุ่นใหม่ ๆ จะมีการปรับดีไซน์ตัวรถให้ดูสปอร์ตและหรูหรามากยิ่งขึ้น
รถยนต์สัญชาติยุโรป
รถยนต์สัญชาติยุโรป
หากนึกถึงรถยนต์หรูดีไซน์แพงต้องยกให้รถยุโรป ทั้งรถยุโรปส่วนใหญ่ยังเป็นแบรนด์ที่คุ้นเคยกันดีเช่นกัน อาทิ Mercedes-Benz BMW Porsche Lamborghini ฟอร์ด จากัวร์ Ferrari Maserati ที่นอกจากความหรูหราจนขึ้นชื่อว่าเป็นรถในฝันของใครหลาย ๆ คนแล้ว รถยุโรปยังมีราคาที่ค่อนข้างสูงมากแต่ตัวรถยนต์ก็มีความแข็งแรงทนทานด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้รถยุโรปยังมีจุดเด่นที่น่าสนใจจนทำให้เป็นที่นิยม ดังนี้
- ดีไซน์ที่ดูหรูและสวยงามของรถยุโรปตอบโจทย์ความชอบส่วนตัวของหลาย ๆ คน
- เครื่องยนต์มีความโดดเด่นในเรื่องสมรรถนะ ถึงแม้จะมีขนาดเครื่องยนต์ที่เล็กแต่มีแรงม้าที่สูง เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบความเร็ว
- เนื่องจากรถยุโรปส่วนใหญ่นั้นให้ความสำคัญกับการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จึงทำให้สร้างมลพิษน้อย ทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องการสร้างรถยนต์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน
- อะไหล่รถยนต์มีความแข็งแรงรวมถึงช่วงล่างของตัวรถที่มีความแข็งแรงเช่นกัน เพื่อรองรับการขับขี่ที่รวดเร็วและสร้างความมั่นคงให้กับรถ
เปรียบเทียบรถญี่ปุ่น รถยุโรป แบบไหนดี
ก่อนอื่นต้องคำนึงถึงความชอบส่วนบุคคลว่ามีความชื่นชอบแบรนด์ไหนหรือดีไซน์รถยนต์ลักษณะไหน จากนั้นค่อยเลือกในส่วนของฟังก์ชันส์และตัวรถ ประกอบกับช่วงราคาที่เหมาะสมตามที่ต้องการ และสำหรับคนที่ยังมีความลังเลอยู่นั้นฮักส์จะมาเปรียบเทียบรถญี่ปุ่น VS รถยุโรป กันว่าควรเลือกแบบไหนดีที่ตอบโจทย์มากที่สุด
ราคา
เมื่อเปรียบเทียบราคากันแล้วหากตั้งงบประมาณไว้แล้วลองเทียบรถยนต์สองรุ่นจากฝั่งรถญี่ปุ่นและรถยุโรป จะเห็นได้ชัดว่าหากเลือกรถญี่ปุ่นจะได้รถที่เป็นตัวท็อปมีฟังก์ชันส์ครบแบบจัดเต็มอย่างแน่นอน แต่ในขณะเดียวกันหากเลือกรถยุโรปถึงแม้จะได้รถแบรนด์ดังแต่ก็สามารถซื้อได้เพียงแค่รุุ่นรถยนต์เริ่มต้นไม่ใช่ตัวท็อปของรุ่น รวมถึงฟังก์ชันส์อาจจะไม่ครบครันอีกด้วย
ดีไซน์รถ
สำหรับรถญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเน้นดีไซน์รถยนต์ที่เรียบง่ายเน้นไปที่การใช้งาน แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาดีไซน์ที่ดูหรูหรา และเป็นแนวสปอร์ตมากขึ้นเพื่อความทันสมัย และรถยุโรปจะขึ้นชื่อเรื่องความโดดเด่นของตัวรถมีความโฉบเฉี่ยว ดูแปลกตาส่วนใหญ่เน้นไปที่ทรงสปอร์ต แต่ก็มีบางรุ่นที่เน้นความเรียบง่ายและความคลาสสิคเป็นเอกลักษณ์เช่นกัน
ค่าบำรุงรักษา
การซื้อรถยนต์ไม่เพียงแค่ซื้อจากราคาขายแล้วจบ เพราะรถยนต์ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ สำคัญที่ตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าบำรุงรักษาตามระยะทาง ซึ่งหากเปรียบเทียบราคาจะเห็นได้ชัดว่ารถยุโรปค่าบำรุงรักษาต่อครั้งราคาค่อนข้างสูงอย่างต่ำคือ 8-9 พัน เมื่อเทียบกับรถญี่ปุ่นค่าบำรุงรักษาแต่ละครั้งจะเริ่มต้นอยู่ที่ 2-3 พันบาทขึ้นไป
ค่าเบี้ยประกันภัย
รถยุโรปนอกจากตัวรถจะมีราคาสูงแล้วกันการเลือกทำประกันภัยรถยนต์ยังต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยที่สูงขึ้นอีกด้วย เนื่องจากอะไหล่รถยนต์ส่วนใหญ่ต้องสั่งนำเข้าและมีราคาสูง รวมถึงต้องใช้ศูนย์หรืออู่เฉพาะ แต่สำหรับรถญี่ปุ่นราคาค่าเบี้ยประกันจะเป็นราคาทั่วไปมีแผนกรมธรรม์ให้เลือกหลากหลายราคาตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น
รู้แบบนี้แล้วการจะเลือกรถยนต์สัญชาติไหนดีนั้นคงต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับปัจจัยและองค์ประกอบหลายอย่างของผู้ซื้อรวมถึงงบประมาณในการซื้อรถยนต์ที่ต้องการ นอกจากการเลือกซื้อรถยนต์แล้วอีกสิ่งที่สำคัญคือการเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ที่มอบความคุ้มครองให้แก่ตัวรถยามเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ซึ่งมีให้เลือกทั้งประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ และประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 ฮักส์มีกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการในเรื่องของความคุ้มครอง รวมถึงมีประกันภัยอะไหล่รถยนต์ที่คุ้มครองชิ้นส่วนสำคัญทั้งค่าอะไหล่และค่าซ่อม ยินดีให้คำแนะนำการเลือกซื้อประกันภัยที่เหมาะกับคุณ สามารถติดต่อผ่าน Facebook: HUGS Insurance หรือทางช่องทางไลน์ @hugsinsurance หรือ โทร 0 2975 5855