6 โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ต้องระวัง
เขียนเมื่อวันที่ 19/07/2021
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เรื่องใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เรื่องใกล้ตัวของมนุษย์ที่ทุกคนมีโอกาสเสี่ยงเกิดขึ้นกับตัวเอง เป็นโรคที่เกิดจากบุคคลหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง ผ่านการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะทางใดก็ตามโดยที่ไม่มีการป้องกัน แต่การถ่ายทอดโรคชนิดนี้สามารถติดต่อผ่านทางอื่นได้เช่นกัน อาทิ การใช้เข็มร่วมกัน การถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกขณะอยู่ในครรภ์ รวมถึงการถ่ายโอนเลือด เป็นต้น
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Disease-STD) หรือกามโรค (VD) โรคติดต่อที่เกิดขึ้นได้กับทุกเพศและทุกช่วงอายุ โดยลักษณะอาการที่เกิดโรคจากผู้ชายและผู้หญิงจะมีความแตกต่างกัน ดังนี้
อาการโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในผู้ชาย
ในบางครั้งเมื่อเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ผู้ป่วยบางรายอาจไม่แสดงอาการ แต่ลักษณะอาการจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดโรคติดต่อที่ได้รับ โรคบางชนิดจะมีอาการบ่งชี้ที่ชัดเจน ดังนี้
- รู้สึกปวดบริเวณอวัยวะเพศระหว่างมีเพศสัมพันธ์หรือขณะปัสสาวะ
- มีแผลหรือผื่นขึ้นบริเวณรอบ ๆ องคชาต ลูกอัณฑะ ทวารหนัก หรือปาก
- มีเลือดออกบริเวณองคชาต
- รู้สึกเจ็บหรือมีอาการบวมบริเวณลูกอัณฑะ
อาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในผู้หญิง
สำหรับผู้ป่วยเมื่อเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจไม่มีแสดงอาการ แต่โรคบางชนิดจะมีอาการบ่งชี้ที่ชัดเจน ดังนี้
- รู้สึกเจ็บปวดบริเวณอวัยวะเพศระหว่างมีเพศสัมพันธ์หรือขณะปัสสาวะ
- มีแผลหรือผื่นขึ้นบริเวณรอบ ๆ ช่องคลอด ทวารหนัก หรือปาก
- มีอาการตกขาวผิดปกติหรือมีเลือดออกจากช่องคลอด
- มีอาการคันบริเวณด้านในหรือรอบ ๆ ช่องคลอด
ประเภทของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีหลากหลายชนิด จะมีอาการและรูปแบบการรักษาที่แตกต่างกันออกไป ทั้งสามารถรักษาให้หายขาดได้หรือต้องรักษาในรูปแบบระยะยาว แต่จะมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดใดบ้างไปดูกัน
ถุงยางอนามัย ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
1.หนองในเทียม (Non-specific urethritis-NSU)
เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย Chlamydia trachomatis ระยะฟักตัวของเชื้อเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7 วัน ซึ่งในผู้ป่วยบางรายอาจไม่แสดงอาการ แต่ในบางรายจะแสดงอาการที่ชัดเจน ดังนี้
- มีอาการปัสสาวะแสบขัด
- รู้สึกเจ็บบริเวณอวัยวะเพศ
- รู้สึกผิดปกติระหว่างมีเพศสัมพันธ์
- มีหนองใส ๆ ไหลออกมาจากปลายท่อปัสสาวะ
- มีอาการปวดท้องน้อย
สำหรับผู้หญิงหากได้รับเชื้อและไม่ได้รับการรักษาอาจส่งผลต่อบุตรในครรภ์ อีกทั้งหากโรคเกิดการลุกลามอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง เช่น ติดเชื้อที่ท่อปัสสาวะ โรคกระดูกเชิงกรานอักเสบ เกิดภาวะมีบุตรยาก เป็นต้น
2.โรคเอชพีวี (HPV)
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีสาเหตุจากเชื้อไวรัส Human papilloma virus มีระยะฟักตัวที่ยาวนานกว่าโรคชนิดอื่นอยู่ที่ 3 เดือน – 1 ปี มีการติดต่อผ่านการสัมผัสทางผิวหนัง หรือทางเพศสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด อาการที่พบบ่อยจากโรคเอชพีวีคือมีหูดที่บริเวณอวัยวะเพศ ปาก หรือ ลำคอ ส่วนใหญ่จะไม่พบอาการแรกเริ่มหลังติดเชื้อ ถือเป็นโรคที่อันตรายเนื่องจากเชื้อ HPV บางสายพันธุ์อาจนำไปสู่การเกิดโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งช่องปาก มะเร็งปากมดลูก มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งองคชาต และมะเร็งทวารหนัก เป็นต้น
3.ซิฟิลิส (Syphilis)
ซิฟิลิส คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีสาเหตุจาก เชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum มีระยะฟักตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 21 วัน ในระยะแรกเริ่มยังไม่แสดงอาการของโรค ต่อมาจะมีระยะอาการ 3 ระยะ ดังนี้
- ระยะที่ 1 มีแผลที่บริเวณอวัยวะเพศ เป็นแผลที่มีขอบแข็ง แต่สามารถหายเองได้แม้ไม่ได้ทำการรักษา
- ระยะที่ 2 มีผื่นขึ้นตามลำตัว ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ช่องปาก ทางทวารหนัก รวมกับอาการปวดข้อและมีผมร่วง หากเข้ารับการตรวจเลือดจะได้ผลเป็นเลือดบวกซิฟิลิส
- ระยะที่ 3 หากไม่ทำการรักษาปล่อยทิ้งไว้จนถึงระยะสุดท้าย โรคจะลุกลามและทำลายอวัยวะภายในร่างกาย ที่สำคัญคือส่งผลให้เกิดโรคและอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น สูญเสียการมองเห็น สูญเสียการได้ยิน ความจำเสื่อม การติดเชื้อในสมองหรือไขสันหลัง โรคหัวใจ รวมถึงอาจทำให้พิการหรือรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต
4.โรคเอดส์ (AIDS)
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีสาเหตุจาก เชื้อเอชไอวี (HIV) สามารถทำลายระบบภูมิคุ้มกันและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดไวรัสหรือแบคทีเรียชนิดอื่น ๆ รวมถึงการพัฒนาเชื้อมะเร็งบางชนิดหากปล่อยลุกลามจนไปถึงระยะที่ 3 แต่สำหรับระยะแรกเริ่มของโรคนี้ จะมีอาการที่คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าอาจป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ได้บ่อยครั้ง คือ
- มีไข้
- มีอาการหนาวสั่น
- มีอาการปวดเมื่อยตามตัว
- เจ็บคอ
- ปวดศีรษะ
- คลื่นไส้
- มีผื่นขึ้น
อาการแรกเริ่มเหล่านี้สามารถหายไปได้ภายในระยะเวลา 1 เดือน หลังจากนั้นในผู้ป่วยบางรายจะเริ่มมีอาการ ดังนี้
- อ่อนเพลียซ้ำซาก
- มีไข้
- ปวดหัว
- มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร
โรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่รักษาโดยการให้ยาเพื่อให้มีอาการคงที่ได้
5.โรคหนองใน (Gonorrhoea)
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีสาเหตุจาก เชื้อแบคทีเรีย Neisseria gonorrhoeae เชื้อมีระยะในการฟักตัวเฉลี่ย 2-7 วัน ผู้ป่วยหญิงและผู้ป่วยชายจะมีลักษณะอาการที่แตกต่างกัน ดังนี้
ผู้ชาย
- มีอาการปัสสาวะแสบขัด
- มีหนองไหลออกจากปลายท่อปัสสาวะ
ผู้หญิง
- มีตกขาวมากผิดปกติบางครั้งมีหนองปนออกมา
- มีอาการปัสสาวะแสบขัด
- ปวดท้องน้อย
- มีฝีเกิดบริเวณอวัยวะเพศ
โรคชนิดนี้หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ทำการรักษาจะก่อให้เกิดการลุกลามเกิดเป็นโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ เป็นหมัน ต่อมลูกหมากอักเสบ ท่อรังไข่ตีบตัน ภาวะมีบุตรยาก และในกรณีคุณแม่ตั้งครรภ์โรคหนองในอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรงในทารก
6.เริม
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีสาเหตุจาก เชื้อไวรัส Herpes simplex virus เชื้อมีระยะในการฟักตัวเฉลี่ย 2-14 วัน เป็นโรคที่ติดต่อได้ง่าย โดยมีลักษณะอาการที่สังเกตได้ดังนี้
- มีตุ่มน้ำใสขึ้นเป็นกลุ่มบริเวณอวัยวะเพศ (บางรายมีตุ่มนใสขึ้นบริเวณปากหรือในช่องปาก)
- มีอาการแสบ เจ็บ คันบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนัก
หลังจากพบการติดเชื้อเริม ส่วนใหญ่เชื้อจะหลบอยู่ภายในร่างกาย สามารถหายเองได้แต่มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้หากร่างกายอ่อนแอ
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีหลากหลายชนิด หากพบความผิดปกติของร่างกายหลังมีเพศสัมพันธ์ควรทำการพบแพทย์ทันทีพร้อมคู่นอนเพื่อตรวจหาโรค นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันตนเองเบื้อต้นได้ด้วยการสวมใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ อีกทั้งควรดูแลและเตรียมความพร้อมให้ร่างกายมีความแข็งแรงอยู่เสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ หมั่นตรวจเช็คสุขภาพประจำปี ป้องกันทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ รวมถึงการวางแผนสุขภาพด้วยการเลือกทำประกันภัยสุขภาพ ก็สำคัญเลือกทำไว้ก่อนได้ เนื่องจากโรค HIV หากตรวจเจอจะมีข้อยกเว้นที่ไม่สามารถทำประกันสุขภาพได้ ฮักส์มีกรมธรรม์ประกันสุขภาพหลากหลายรูปแบบพร้อมตอบโจทย์ความต้องการในการทำประกันภัยของคนยุคใหม่ สามารถติดต่อฮักส์ได้ผ่านช่องทาง Facebook Line หรือ โทร 0 2975 5855
อ้างอิงข้อมูลจาก : healthline.com , สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย , โรงพยาบาลรวมแพทย์ฉะเชิงเทรา