เตือนภัยโควิดระดับ 4 คืออะไร มีข้อควรระวังอะไรบ้าง
เขียนเมื่อวันที่ 25/01/2022
เปิดมาตรการ ยกระดับเตือนภัยโควิด ระดับ 4 มีอะไรบ้าง
จากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 สายพันธุ์โอมิครอนในขณะนี้ที่พบจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากวันหยุดยาวในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ทำให้กระทรวงสาธารณสุขประกาศยกระดับการเตือนภัยด้านสาธารณสุขเป็นระดับ 4 เพื่อรับมือกับโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ทั้งยังมีการประกาศเพิ่มมาตรการป้องกัน การปิดสถานที่เสี่ยง รวมทั้งขอความร่วมมือประชาชนให้ชะลอเดินทางข้ามจังหวัดและเน้นการทำงานแบบ Work From Home มากยิ่งขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของเชื้อเป็นวงกว้าง
สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับโควิดสายพันธุ์โอไมครอน
โควิดสายพันธุ์ B.1.1.529 หรือ โอไมครอน (Omicron) เชื้อโควิดกลายพันธุ์ชนิดใหม่ที่ทางด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมาประกาศให้เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลเนื่องจากมีตำแหน่งการกลายพันธุ์ของยีนมากถึง 50 ตำแหน่ง ถูกรายงานว่าพบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ เป็นสายพันธุ์ที่อาจหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันของมนุษย์ได้ดีมากยิ่งขึ้น แม้จะเป็นภูมิคุ้มกันจากผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วก็ตาม
อาการโควิดสายพันธุ์โอไมครอนและการป้องกัน
เชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน
ทางด้านกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณะสุขได้ออกมาแจ้งถึงลักษณะอากาศของผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้ โดยระบุว่าเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนผู้ป่วยจะมีการแสดงอาการ ดังนี้
- มีอาการไม่สบาย 1-2 วัน
- รู้สึกเพลีย
- ปวดเมื่อยตัว
- ปวดกล้ามเนื้อ
- ไม่มีอาการไอ หรือหากมีจะเป็นเพียงอาการไอเล็กน้อยและรู้สึกระคายคอ
- อาจมีไข้ต่ำหรือไม่มีไข้
- ไม่มีผลกระทบเรื่องการได้กลิ่นหรือการรับรส
- อาการไม่ชัดเจนเท่าสายพันธุ์อื่น
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ หากติดเชื้ออาจทำให้มีอาการรุนแรง
- เบื้องต้นพบว่าอาการโดยรวมชองเชื้อไม่รุนแรง สามารถทำการรักษาแบบ Home Isolation (รักษาตัวที่บ้าน) ได้
วิธีการป้องกันเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน
สำหรับวิธีการป้องกันเบื้องต้นของประชาชนส่วนใหญ่แล้วยังใช้มาตรการเดิม คือ
- สวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน
- ปิดจมูก ปาก เมื่อต้องการไอหรือจาม
- ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล
- เลี่ยงสถานที่ที่มีผู้คนหนาแน่น
ทางด้านกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ยกระดับการเตือนภัยโควิด-19 จากระดับ 3 เป็นระดับที่ 4 พร้อมปรับพื้นที่ยกระดับในจังหวัดต่าง ๆ เป็นพื้นที่สีส้มหรือพื้นที่ควบคุมทั้งประเทศรวม 69 จังหวัด เพื่อเพิ่มความเข้มข้นสำหรับประชาชนรวมถึงสถานประกอบการภายใต้มาตรการป้องกัน ดังนี้
- งดทานอาหารและดื่มสุราภายในร้านอาหารร่วมกัน รวมถึงงดไปในสถานที่เสี่ยงทุกประเภท
- หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้อื่นเมื่อออกนอกบ้านและงดกิจกรรมการรวมกลุ่ม
- งดการโดยสารขนส่งสาธารณะทุกประเภทโดยไม่จำเป็นในการเดินทางข้ามเขตพื้นที่หรือจังหวัด
- งดเดินทางไปต่างประเทศ และหากกลับเข้าประเทศต้องทำการกักตัว
- เดินทางข้ามจังหวัดได้แต่ขอให้เป็นกรณีจำเป็นเท่านั้น หากไม่จำเป็นขอให้หลีกเลี่ยงและมีการป้องกันตัวเองอย่างเข้มงวด
- ขอความร่วมมือทุกคนที่เดินทางกลับจากต่างจังหวัดให้เฝ้าสังเกตอาการตนเองอย่างน้อย 14 วัน รวมถึงให้ Work From Home ในสัปดาห์แรกหลังจากเดินทาง ทำการตรวจหาเชื้อโควิดด้วยวิธี ATK อย่างน้อย 2 ครั้งระยะเวลาห่างกัน 3 วัน โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางด้วยขนส่งสาธารณะนานกว่า 4 ชั่วโมง
ผลการตรวจโควิด-19 แบบ ATK
นอกจากนี้ทางด้านกรมควบคุมโรคยังได้ย้ำเกี่ยวกับมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (Covid Free Setting) ในการป้องกันคลัสเตอร์ใหม่ที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงการเน้นย้ำให้ประชาชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงหรือมีการแสดงอาการอย่างใดอย่างหนึ่งควรรีบทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดด้วยวิธี ATK ทันทีและหากพบผลเป็นบวกให้ประสานกับสายด่วนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โทร. 1330 กด 14 เพื่อลงทะเบียนกักตัวที่บ้านตามมาตรการ Home Isolation หรือไปยังสถานพยาบาลใกล้บ้านเพื่อทำการวินิจฉัยโดยแพทย์
จากการศึกษาพบว่าผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์โอไมครอน 95% มีการแสดงอาการที่น้อยซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อสูง หากตรวจหาเชื้อเป็นประจำและตรวจพบเชื้อได้รวดเร็ว จะเป็นตัวช่วยในการลดการแพร่เชื้อได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงเราทุกคนควรต้องดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากโควิดมากยิ่งขึ้น โดยเริ่มจากการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอ หมั่นออกกำลังกาย สวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ต้องเดินทางออกจากบ้าน พร้อมพกแอลกอฮอล์เจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ในการทำความสะอาดมือ หลีกเลี่ยงสถานที่แออัดหรือที่มีผู้คนพลุกพล่าน พร้อมวางแผนการดูแลสุขภาพด้วยการเลือกทำประกันภัยสุขภาพที่มอบความคุ้มครองที่ครอบคลุมทั้งในส่วนของค่ารักษาพยาบาล เงินชดเชยรายได้ ค่าห้อง ค่าหมอ เพื่อความอุ่นใจหากอาการเกิดเจ็บป่วยแบบไม่คาดฝัน ฮักส์มีกรมธรรม์ประกันภัยสุขภาพหลากหลาย สามารถติดต่อผ่าน Facebook: HUGS Insurance หรือทางช่องทางไลน์ @hugsinsurance หรือ โทร 0 2975 5855
อ้างอิงข้อมูล : pptvhd36, sikarin, กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข