ข่าวดี โมลนูพิราเวียร์ ยาเม็ดรักษาโควิด ต้านไวรัสโอไมครอนได้
เขียนเมื่อวันที่ 30/12/2021
ยารักษาโควิดแบบเม็ด ตัวช่วยสำหรับคนกลัวเข็ม
การระบาดของโควิด-19 เป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง เพราะไวรัสมีการกลายพันธุ์เรื่อยมา จนปัจจุบันมาถึงสายพันธุ์โอไมครอนที่พบการกลายพันธุ์มากกว่า 50 ครั้ง และมีการกลายพันธุ์บริเวณหนามโปรตีนด้วย ทำให้วัคซีนบางตัวไม่สามารถดักจับได้ ยาโมลนูพิราเวียร์จึงเป็นอีกความหวังในการต้านไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน
คุณสมบัติของยาเม็ดโมลนูพิราเวียร์
ยาเม็ดโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) เป็นยาที่คิดค้นและผลิตโดยบริษัท ริดจ์แบ็ค ไบโอเทอราพิวทิค (Ridgeback Biothera peuthics) ประเทศสหรัฐอเมริกา และบริษัท เมอร์ค (Merck) ประเทศเยอรมนี โดยตัวยามีคุณสมบัติในการต้านไวรัสโคโรนาหลายชนิดที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่าง ๆ ทั้งโรคซาร์ส โรคเมอร์ส ไวรัสอีโบลา ไวรัสไข้สมองอักเสบบางชนิด และโรคโควิด-19 สามารถพิจารณาคุณสมบัติของยาเม็ดโมลนูพิราเวียร์ในด้านต่าง ๆ ที่สำคัญได้ดังนี้
ด้านความปลอดภัย
ยาโมลนูพิราเวียร์เป็นยาที่ผ่านการทดลองกับผู้ป่วยโควิด-19 มาแล้ว มีการขอขึ้นทะเบียนเพื่อรับรองความปลอดภัยในการใช้งาน
- ได้รับการอนุมัติให้ใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ในสหราชอาณาจักรโดยผ่านการรับรองจากสำนักงานควบคุมยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของสหราชอาณาจักร (MHRA) ถือเป็นประเทศแรกของโลกที่อนุมัติยาเม็ดในการรักษาโควิด
- ผ่านมติเห็นชอบจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา หรือ FDA โดยในที่ประชุมลงมติเห็นชอบในการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์เป็นยาฉุกเฉินในคะแนน 13:10 เพราะเห็นว่ายาโมลนูพิราเวียร์เข้าเกณฑ์ความปลอดภัยในการรักษา
ด้านประสิทธิภาพการรักษา
การรักษาด้วยยาเม็ดโมลนูพิราเวียร์ผ่านการทดลองในกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับยาโมลนูพิราเวียร์และยาหลอก พบว่าผู้ที่ได้รับยาโมลนูพิราเวียร์ลดโอกาสป่วยหนักและไม่พบการเสียชีวิต ขณะที่กลุ่มตัวอย่างที่ได้รับยาหลอกเสียชีวิต 8 ราย จากการทดลองสามารถสรุปประสิทธิภาพของยาได้ดังนี้
- รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลางได้ เพื่อลดโอกาสติดเชื้อรุนแรงและลดการเสียชีวิต
- ไม่เหมาะกับสตรีที่ตั้งครรภ์ ก่อนการใช้งานควรตรวจการตั้งครรภ์เสมอ
- ใช้ไม่ได้ผลกับผู้ป่วยที่มีอาการหนักมาก มักใช้เป็นยาเร็ว คือ ให้ยาเมื่อพบว่ามีอาการป่วยเพื่อดักจับเชื้อไวรัส
- มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโควิดสายพันธุ์แกมมา สายพันธุ์เดลตา และสายพันธุ์มิวอย่างเห็นผล
ด้านราคาและการนำเข้า
ยาเม็ดโมลนูพิราเวียร์ตั้งเกณฑ์ราคาโดยอิงตามเกณฑ์ศักยภาพของแต่ละประเทศ โดยประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มประเทศผู้มีรายได้ปานกลาง ราคาของยาโมลนูพิราเวียร์จึงจะสูงกว่าประเทศที่มีรายได้น้อย แต่จะถูกกว่าประเทศที่มีรายได้มาก เป็นการตั้งราคาให้ทุกประเทศสามารถซื้อได้อย่างสมเหตุสมผล คาดว่าประเทศไทยจะมีการนำเข้ายาโมลนูพิราเวียร์ในเดือนธันวาคม 2564 แต่ต้องผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของไทย (อย.) เสียก่อนจึงจะมีการใช้งานจริงได้
การรักษาโควิดมีการพัฒนามาโดยตลอด เพื่อให้มีแนวทางการรักษาที่หลากหลายขึ้น ทั้งการผลิตชุดตรวจ ATK การตรวจแบบ RT-PCR การผลิตวัคซีนต้านโควิด การใช้ยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร และการเริ่มผลิตยาเม็ดออกจัดจำหน่าย การรักษาที่หลากหลายช่วยให้ทิศทางการระบาดของโควิดดีขึ้น นอกจากการติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดแล้ว ประชาชนควรมีประกันภัยสุขภาพเอาไว้เพื่อช่วยให้การเข้าถึงการรักษาที่สะดวกมากยิ่งขึ้น หมดกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย
ประสิทธิภาพในการต้านโควิดสายพันธุโอไมครอน
การผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ช่วยรักษาโควิดสายพันธุ์โอไมครอน
ผู้ผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ออกมาสร้างความเชื่อมั่นว่ายาเม็ดต้านโควิดโมลนูพิราเวียร์มีคุณสมบัติในการต้านโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้ โดยพิจารณาจากการทำงานของตัวยา ดังนี้
- ยาโมลนูพิราเวียร์สามารถต้านไวรัสโควิดสายพันธุ์แกมมา สายพันธุ์มิว และสายพันธุ์เดลตาได้เป็นอย่างดี แสดงให้เห็นว่ายามีคุณสมบัติในการต้านไวรัสกลายพันธุ์
- การทำงานของยาที่เน้นการดักจับไวรัสโคโรนาแล้วรบกวนการแบ่งตัวของไวรัสภายในร่งกาย ทำให้ไวรัสไม่สามารถเพิ่มปริมาณได้ โอกาสในการป่วยหนักจึงน้อย คาดว่าในสายพันธุ์โอไมครอนตัวยาจะยังคงสามารถทำงานได้เหมือนเดิม
- หากมีการกลายพันธุ์ของไวรัสอีกในอนาคต การดักจับของโมลนูพิราเวียร์ก็ยังคงได้ผลเช่นกัน
ความเชื่อมั่นจากผู้ผลิตทำให้ยาโมลนูพิราเวียร์กลายมาเป็นอีกความหวังในการรักษาโควิด แต่อย่างไรก็ไม่ควรประมาท ควรมีการรับวัคซีนให้ครบโดสและมีการฉีดบูสเตอร์โดสหากภูมิเริ่มน้อยลง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ งดการอยู่ในที่ที่คนพลุกพล่าน อาจจะมีการทำประกันภัยสุขภาพเอาไว้เพื่อลดค่าใช้จ่ายหากป่วยเป็นโควิดขึ้นมา ผู้ที่สนใจสามารถปรึกษาเรื่องประกันภัยสุขภาพกับฮักส์ได้หลากหลายช่องทาง ทั้ง Facebook Line หรือโทร 0 2975 5855