ประกันสุขภาพสำหรับคนวัยทำงาน มีไว้อุ่นใจ
เขียนเมื่อวันที่ 20/07/2021
ประกันวัยทำงาน เลือกแบบไหนดี
เมื่อเริ่มต้นเข้าสู่ชีวิตการทำงาน มนุษย์เงินเดือนหลายคนอดกังวลไม่ได้ว่า เงินเดือนที่ได้รับในแต่ละเดือนนั้นพอเลี้ยงดูตัวเองหรือไม่ เพราะทุกคนต่างมีภาระค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตไม่น้อย ทั้งค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต หรือค่าใช้จ่ายการซื้อของจำเป็นภายในบ้าน นี่ยังไม่รวมการซื้อของรางวัลให้ตัวเอง แต่เชื่อเถอะว่า ต่อให้บริหารจัดการด้านการเงินดีแค่ไหน ก็อาจประสบปัญหาชักหน้าไม่ถึงหลังเอาได้ง่าย ๆ หากต้องเผชิญปัญหาสุขภาพที่เพิ่มขึ้นตามการใช้ชีวิตประจำวันและช่วงอายุของเรา
เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือปัญหาสุขภาพในทุกสถานการณ์ มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ๆ ต้องวางแผนทำประกันภัยสุขภาพ เพื่อป้องกันทุกความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในชีวิต แต่ทุกวันนี้มีผลิตภัณฑ์ประกันภัยสุขภาพให้เลือกสมัครตามความต้องการและงบในกระเป๋า มาถึงตรงนี้หลายคนคงสงสัยว่า ประกันภัยสุขภาพในวัยทำงาน ควรเป็นแบบไหน วันนี้เรามีคำตอบมาฝาก
มีสิทธิประกันสังคมอยู่แล้ว เหตุใดต้องทำประกันภัยสุขภาพ
ขึ้นชื่อว่ามนุษย์เงินเดือนย่อมได้รับสวัสดิการขั้นพื้นฐานตามที่สำนักงานประกันสังคมกำหนดไว้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะสิทธิรักษาพยาบาลยามเจ็บป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุจากการทำงาน แม้จะได้รับสิทธิรักษาพยาบาลจากประกันสังคม แต่วงเงินสวัสดิการที่มีอยู่อาจไม่เพียงพอต่อการรักษาพยาบาลที่เกิดขึ้น
อย่างกรณีการรักษาโรคมะเร็งที่กำหนดให้สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็น แต่ไม่เกิน 50,000 บาทต่อรายต่อปี ค่ารักษาพยาบาลจำนวนดังกล่าวอาจไม่เพียงพอ เพราะค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นไม่ได้มีแค่ค่าฉายรังสีเท่านั้น
ตัวอย่าง
กรณีเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และเลือกฉายรังสีรักษามะเร็งด้วยเทคนิค 3 มิติ กับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มีค่าใช้จ่ายโดยประมาณการ ดังนี้
- ค่าจำลองการฉายรังสี (CT Simulation) 8,500 บาท
- MRI Simulation 8,000 บาท
- ค่าฉีดสารทึบรังสี 1,500 บาท
- ค่าคำนวณ 6,000 บาท
- ค่าฉายรังสี (2,500 บาท x 28 ครั้ง) 70,000 บาท
- ค่า CBCT 9,000 บาท
- รวมเป็นเงิน 103,000 บาท
มนุษย์เงินเดือน ควรทำประกันสุขภาพเมื่อใด
ในวัยทำงานมักมีคำถามว่า ควรทำประกันภัยสุขภาพเมื่อใด หรือเลือกแผนประกันภัยสุขภาพแบบไหนดีนั้น แนะนำให้ทำประกันภัยสุขภาพในวันที่เรายังมีสุขภาพที่ดี ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วย เพราะการทำประกันภัยสุขภาพ ต้องใช้สุขภาพที่ดีซื้อเท่านั้น
ประกันภัยสุขภาพมีไว้ช่วยในยามที่เจ็บป่วย
ประกันภัยสุขภาพสำหรับมนุษย์เงินเดือน ทำแบบไหนคุ้มสุด
สำหรับคำถามนี้ คงไม่มีใครตอบแทนใครได้เพราะว่าความคุ้มค่าของการทำประกันภัยสุขภาพของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน บางคนอาจพิจารณาความคุ้มค่าที่เบี้ยประกันภัย พิจารณาสิทธิประโยชน์ที่ได้รับ พิจารณาขอบเขตความคุ้มครองโรคว่ามีมากน้อยแค่ไหน หรือพิจารณาโรงพยาบาลเครือข่ายที่ให้การรักษา ว่าคุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายไปหรือไม่
แต่ไม่ว่าสุดท้ายคุณเลือกทำประกันภัยสุขภาพรูปแบบไหน อย่าลืมพิจารณารายละเอียดของกรมธรรม์ก่อนการเลือกซื้อ ดังนี้
(1) วงเงินความคุ้มครอง ควรครอบคลุมค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลทั้งโรคทั่วไปและโรคร้ายแรง
(2) เลือกรูปแบบความคุ้มครองที่เหมาะกับตนเอง ซึ่งปัจจุบันประกันภัยสุขภาพมีรูปแบบความคุ้มครองให้เลือก 2 แบบ คือ
- ประกันภัยสุขภาพ แบบเหมาจ่ายต่อปี : เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำประกันสุขภาพเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยเรื้อรังจากโรคเดียวกันที่มีค่าใช้จ่ายสูงและต้องใช้ระยะเวลารักษานาน
- ประกันภัยสุขภาพ แบบเหมาจ่ายต่อครั้ง : เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเซฟค่ารักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วยจากโรคที่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันภายในปีกรมธรรม์เดียว เพราะนี่เป็นแผนประกันที่มีการกำหนดวงเงินค่ารักษาพยาบาลต่อครั้งในการเข้ารับการรักษาไว้แบบชัดเจน แต่ไม่จำกัดวงเงินต่อปี
(3) ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน (IPD) โดยเฉพาะในส่วนของค่าห้องพักรักษาตัวภายในโรงพยาบาล ควรครอบคลุมทั้งค่าห้องปกติและค่าห้องผู้ป่วยหนัก (ICU)
(4) ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก (OPD)
(5) มอบเงินชดเชยรายได้หากต้องหยุดงาน การเลือกแผนประกันภัยสุขภาพแบบชดเชยรายได้ ช่วยให้อุ่นใจและคลายกังวลเรื่องรายได้ที่ขาดหายไปขณะพักรักษาตัว
(6) อายุสูงสุดที่บริษัทประกันภัยรับต่ออายุกรมธรรม์ เนื่องจากหลังเกษียณอายุหลายคนไม่มีสวัสดิการอื่น ๆ ที่เข้ามาดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาล ฉะนั้นการเลือกแผนประกันภัยสุขภาพที่สามารถต่ออายุได้สูงถึงประมาณ 80 ปี ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
(7) ควรเลือกบริษัทประกันภัยที่มีประวัติการดำเนินกิจการที่มั่นคงและน่าเชื่อถือ อาทิ วิริยะประกันภัย เมืองไทยประกันภัย ซิกน่าประกันภัย หรือทิพยประกันภัย เป็นต้น
และทั้งหมดนี้คงช่วยให้มนุษย์เงินเดือนที่ยังลังเลว่า ควรทำประกันภัยสุขภาพดีไหม หรือทำประกันช่วงอายุเท่าไหร่ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในยามเจ็บป่วย ถ้าคุณสนใจข้อมูลประกันภัยสุขภาพเพิ่มเติม ฮักส์พร้อมให้คำปรึกษาทุกเรื่องประกันภัย เพื่อให้ได้แผนประกันภัยที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ผู้ซื้อมากที่สุด สามารถโทรสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2975 5855 หรือปรึกษาได้ที่ Facebook และ Line
อ้างอิงข้อมูล : โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์