อาการปวดท้อง ลางบอกเหตุของโรคร้าย
เขียนเมื่อวันที่ 19/07/2021
อาการปวดท้องที่ต้องระวัง หวั่นโรคร้ายมาเยือน
รู้หรือไม่ว่า...อาการปวดท้องหากเกิดขึ้นบ่อย อาจเป็นลางบอกเหตุของโรคร้ายที่คาดไม่ถึง สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งที่บริเวณท้องน้อย กลางท้อง ชายโครง เอว และลิ้นปี่ หากปล่อยทิ้งไว้มีโอกาสลุกลามไปที่ขาหรือกระดูกสันหลัง นอกจากนี้กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ตับ ถุงน้ำดี ทวารหนัก ท่อน้ำดี รวมถึงตับอ่อน ถือเป็นอวัยวะสำคัญในการทำหน้าที่ย่อยอาหาร และขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย ถ้าเกิดการทำงานที่ผิดปกติส่งผลให้มีอาการปวดท้องได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นต่อให้ปวดท้องเพียงเล็กน้อยก็ไม่ควรนิ่งนอนใจเป็นอันขาด
อาการปวดท้องที่ต้องระวังมีบริเวณไหนบ้าง ?
สำหรับอาการปวดท้องแต่ละบริเวณในร่างกายที่ต้องระวัง และอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายมีดังนี้
ปวดท้องบริเวณใต้ชายโครงขวา
เป็นบริเวณของตับและถุงน้ำดี มักมีอาการท้องเฟ้อ เรอ คลื่นไส้อาเจียน คล้ายอาหารไม่ย่อย เกิดจากการทานอาหารมัน ๆ หรืออาหารมื้อหนัก ที่ร้ายแรงไปกว่านั้นคือมีก้อนนิ่วไปอุดอยู่ในท่อส่งน้ำดี ทำให้เกิดอาการปวดบิดรุนแรงเป็นพัก ๆ ที่บริเวณลิ้นปี่หรือใต้ชายโครง รวมถึงปวดร้าวนานเป็นชั่วโมงลามมาที่ไหล่ขวาและหลังใต้สะบักขวา นอกจากนี้ยังมีอาการอื่นร่วมด้วยคือคลื่นไส้อาเจียน หากมีอาการปวดรุนแรงจนเหงื่อออก อาจทำให้เป็นลมได้เช่นกัน นอกจากนี้มีความเสี่ยงตาเหลืองเป็นดีซ่านหลังปวดท้องอีกด้วย
ปวดท้องบริเวณชายโครงขวาและซ้าย
เป็นอาการปวดท้องที่ตรงกับตำแหน่งของม้ามและถุงน้ำดี อาจมีความรุนแรงถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือดได้
อาการปวดที่ชายโครงซ้าย : เกิดจากความผิดปกติของม้ามที่อันตรายอย่างมาก
อาการปวดที่ชายโครงขวา : มีอาการตัวเหลืองเกิดจากความผิดปกติของม้าม และพบก้อนที่บริเวณนี้ ถือเป็นอันตรายที่ไม่ควรนิ่งนอนใจ
ปวดท้องใต้ลิ้นปี่
เป็นอาการปวดในตำแหน่งของกระเพาะอาหาร ลิ้นปี่ ตับ และตับอ่อน หากมีอาการปวดบริเวณท้องส่วนบน จุกแน่น แสบร้อน และปวดร้าวลามไปที่หลังทุกครั้งที่รู้สึกหิวหรืออิ่ม ถือเป็นสัญญาณเตือนของโรคกระเพาะอาหารอักเสบ หรือกระเพาะอาหารเป็นแผล รวมถึงอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย อาทิ อาหารไม่ย่อย อิ่มเร็ว คลื่นไส้อาเจียน และเรอบ่อย ที่สำคัญถ้าคลำเจอก้อนเนื้อขนาดใหญ่มีความเสี่ยงของอาการตับโตควรรีบพบแพทย์โดยด่วน
ปวดบริเวณบั้นเอวขวาและซ้าย
เป็นตำแหน่งของท่อไต ไต และลำไส้ใหญ่ ในกรณีที่มีต้นเหตุมาจากอาการของท่อไต จะทำให้ปวดเอวและปัสสาวะเป็นเลือด มีความเสี่ยงเป็นโรคนิ่วที่ไต แต่หากมีอาการปวดร้าวมาถึงต้นขา ถือเป็นอาการเริ่มต้นของนิ่วในท่อไต ถ้ามีอาการปวดท้องร่วมกับปวดหลัง มีไข้ หนาวสั่น และปัสสาวะสีขุ่น เป็นอาการกรวยไตอักเสบ และถ้ามีอาการปวดที่รุนแรงหรือปวดเรื้อรังแบบเฉียบพลัน เป็นสัญญาณเตือนของโรคลำไส้ใหญ่อักเสบ
ปวดท้องรอบสะดือ
เป็นตำแหน่งที่ตรงกับลำไส้เล็ก ถ้ารู้สึกปวดท้องบิดบริเวณรอบสะดือเป็นพัก ๆ คือสัญญานเตือนอาการเริ่มแรกของโรคไส้ติ่งอักเสบ
ปวดบริเวณท้องน้อย
เป็นตำแหน่งของกระเพาะปัสสาวะและมดลูก หากรู้สึกปวดในขณะปัสสาวะ หรือปัสสาวะกะปริบกะปรอย คืออาการของกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือเป็นนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ในกรณีที่มีอาการปวดเกร็งเวลามีประจำเดือน รวมถึงปวดเรื้อรัง คืออาการมดลูกผิดปกติ
ปวดท้องบ่อย ๆ ระวังโรคร้ายมาเยือน
ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าเป็นอาการปวดท้องทั่วไปไม่น่าหวั่นวิตกเท่าไหร่นัก แต่หากมีอาการปวดที่รุนแรง หรือปวดเรื้อรัง อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคมะเร็ง ดังต่อไปนี้
อาการปวดท้องจากโรคมะเร็งที่ต้องระวัง
โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
อาการของโรคคือปวดท้องและท้องอืดเรื้อรัง อาหารไม่ย่อย อุจจาระสีดำหรือมีเลือดปนออกมา รวมถึงน้ำหนักลดลงผิดปกติ รู้สึกอ่อนเพลีย ท้องผูกสลับกับท้องเสีย คลำพบก้อนในท้อง
โรคมะเร็งตับอ่อน
มีอาการปวดท้อง ท้องอืด อาหารไม่ย่อย ท้องเสีย ตัวเหลือง และรู้สึกเบื่ออาหาร
การใส่ใจดูแลสุขภาพไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะโรคร้ายอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า หากมีอาการรุนแรงหรืออยู่ในระยะลุกลาม จึงยากต่อการรักษาให้หายกลับมาเป็นปกติ นอกจากนี้การทำประกันภัยสุขภาพถือเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเช่นกัน เพราะหากในอนาคตเกิดการเจ็บป่วยไม่ว่าจะหนักหรือเบา ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาตัว ฮักส์มีประกันภัยสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุม เช่น ประกันสุขภาพสุขใจรักษ์ ความคุ้มครองสูงสุด 1,200,000 บาท/ปี* คุ้มครองครอบคลุมทั้งค่าห้อง ค่าหมอ ค่าผ่าตัด เบี้ยเริ่มต้น 976 บาท/เดือน ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ทำประกัน สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2975 5855 พร้อมให้คำปรึกษาที่เป็นประโยชน์สำหรับคุณ
อ้างอิงข้อมูล : nakornthon, paolohospital