5 โรคที่เกิดกับเด็กช่วงหน้าฝน พ่อแม่ต้องเฝ้าระวัง

เขียนเมื่อวันที่ 15/06/2021

โรคระบาดหน้าฝน รู้ไว้ป้องกันก่อนป่วย

เมื่อสภาพอากาศเปลี่ยน ร่างกายบางคนอาจปรับตัวไม่ทันโดยเฉพาะกลุ่มเด็ก ๆ ที่ภูมิต้านทานน้อยกว่าผู้ใหญ่ และหน้าฝนที่เต็มไปด้วยความชื้นในอากาศทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคนานาชนิดได้ง่ายขึ้นกว่าสภาวะปกติ โดยเฉพาะโรคติดต่อที่เกิดจากน้ำโดยตรง หรือเกิดจากพาหะนำโรคที่เกี่ยวข้องกับน้ำ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือหน้าฝนไปดูกันว่า โรคประจำฤดูฝนที่เกิดกับเด็กมีโรคอะไรบ้าง รวมถึงวิธีป้องกันแบบง่าย ๆ ที่คุณสามารถทำได้

โดยโรคตามฤดูกาลที่มาเยี่ยมเยียนทุกฤดูฝน ล้วนเป็นโรคที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มักออกประกาศเตือนเป็นประจำทุกปีเพื่อให้ประชาชนระมัดระวังตัว พร้อมปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด เพื่อร่วมลดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยเพราะโรคระบาดหน้าฝน รวมถึงลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น เพราะโรคที่เกิดกับเด็กช่วงหน้าฝนบางโรคแม้อาการไม่รุนแรง แต่ถ้าปล่อยไว้ไม่รีบรักษาโดยเร็วมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงตามมา และถ้ามีอาการรุนแรงอาจเสียชีวิตได้

5 โรคหน้าฝนที่ต้องระวังในเด็ก

1. โรคไข้เลือดออก

เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากยุงลาย โดยอาการเริ่มแรกหลังถูกยุงลายที่มีเชื้อกัดประมาณ 5-8 วัน จะมีไข้สูงติดต่อกัน 2-7 วัน ปวดเมื่อยตามตัว รู้สึกอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร มีอาการซึม ถ้าอาการรุนแรงมากจะมีไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว จนเกิดภาวะช็อก เป็นต้น หากเริ่มมีอาการไข้สูงติดต่อกันหลายวันให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจเป็นโรคไข้เลือดออก และรีบไปพบแพทย์โดยด่วน

วิธีป้องกันโรคไข้เลือดออก

กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายให้หมดไป
แต่งกายมิดชิด สวมเสื้อและกางเกงขายาวเมื่อออกนอกบ้าน
ฉีดสเปรย์หรือทายากันยุง
หลีกเลี่ยงการอยู่บริเวณมุมอับชื้น
ติดมุ้งลวดที่ประตูและหน้าต่าง เพื่อป้องกันยุงเข้ามาภายในบ้าน

2. โรคไข้หวัดใหญ่

เป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย มักพบการระบาดในช่วงฤดูฝนหรือฤดูหนาว เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ไวรัสไข้หวัดใหญ่เจริญเติบโตได้ดีเป็นพิเศษ เพราะมีอากาศเย็นและความชื้นสูง แม้โรคไข้หวัดใหญ่สามารถรักษาหาย แต่ก็มีโอกาสเสียชีวิตเพราะเกิดโรคแทรกซ้อนได้มากกว่าโรคไข้หวัดทั่วไป ฉะนั้นถ้าเจ็บป่วยด้วยอาการไข้หวัด แต่ไม่มั่นใจว่าป่วยด้วยโรคไข้หวัดธรรมดาหรือไข้หวัดใหญ่กันแน่ แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา เพราะอาการป่วยทั้ง 2 โรคนี้ มีความคล้ายคลึงกันมาก โดยโรคไข้หวัดใหญ่มักมีอาการอ่อนเพลียอย่างเฉียบพลัน เบื่ออาหาร คลื่นไส้ หนาวสั่น ปวดศีรษะอย่างรุนแรง มีไข้สูง 39-40 องศา หรือปวดเมื่อยตามร่างกาย เป็นต้น

วิธีป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่

ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี
หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยและเสมหะของผู้ป่วย
หมั่นล้างมือบ่อย ๆ และล้างให้สะอาดทุกครั้ง
ปิดจมูก ปิดปาก เมื่อไอหรือจาม
หากสัมผัสผู้ป่วยมาก่อนควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสจมูก ตา ปากของตัวเอง

3. โรคมือเท้าปาก

เป็นโรคที่เกิดจากไวรัส มีการแพร่กระจายเชื้อไวรัสผ่านการไอ จาม น้ำลายของผู้ป่วย หรือสัมผัสของเล่นที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสดังกล่าว โดยอาการของโรคมือเท้าปาก คือ มีไข้ ผื่น มีตุ่มแดง ๆ หรือตุ่มน้ำใสขึ้นตามฝ่ามือ ฝ่าเท้า รวมถึงที่เข่าและก้น หากสังเกตเห็นอาการผิดปกติเหล่านี้ ควบคู่กับเด็กทานอาหารและน้ำน้อยลง เนื่องจากมีแผลในปากหรือกระพุ้งแก้ม ขอให้รีบพาไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที เพราะถ้ามีอาการแทรกซ้อนรุนแรง อย่างเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือสมองอักเสบอาจเสียชีวิตได้

วิธีป้องกันโรคมือเท้าปาก

หลีกเลี่ยงการให้เด็กคลุกคลีหรือใกล้ชิดกับผู้ป่วย
ผู้เลี้ยงดูเด็กเล็กควรล้างทำความสะอาดมือก่อนหยิบจับอาหารให้เด็กทาน
รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ และควรใช้ช้อนกลางในการทานอาหาร
ดื่มน้ำสะอาด
หลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกัน โดยเฉพาะช้อน จาน ชาม แก้วน้ำ และขวดนม
เมื่อเช็ดน้ำมูกหรือน้ำลายให้เด็กแล้วต้องล้างมือให้สะอาดโดยเร็ว
ผ้าอ้อมหรือเสื้อผ้าที่เปื้อนอุจจาระต้องรีบซักให้สะอาดโดยเร็ว

4. โรคเยื่อบุตาอักเสบหรือโรคตาแดง

มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสที่เยื่อบุตา เมื่อมีการสัมผัส ไอจามรดกัน หรือใช้ของร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อ ผู้ที่ได้รับเชื้อจะเกิดอาการตาแดงอย่างเฉียบพลัน เคืองตามาก เคืองแสง เจ็บตาน้ำตาไหล ตาบวมขึ้นภายใน 1-2 วัน ทั้งนี้ โรคเยื่อบุตาอักเสบหรือโรคตาแดงสามารถพบได้ตลอดปี เพียงแต่ในช่วงหน้าฝนเชื้อไวรัสกระจายตัวได้ง่ายขึ้น ทำให้พบผู้ป่วยโรคตาแดงมากกว่าปกติ

วิธีป้องกันโรคเยื่อบุตาอักเสบหรือโรคตาแดง

หมั่นล้างมือด้วยสบู่บ่อย ๆ และล้างมือทันทีหากสัมผัสใบหน้า ดวงตา หรือสิ่งของเครื่องใช้ของผู้ป่วย
หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือขยี้ตา เพราะจะทำให้อาการแย่ลงหรือทำให้ดวงตาอีกข้างติดเชื้อได้
ใช้กระดาษทิชชูชนิดนุ่มเช็ดขี้ตาหรือซับน้ำตาบ่อย ๆ แล้วทิ้งในถังขยะที่ปิดมิดชิด
พักการใช้สายตา และพักผ่อนให้เพียงพอ

5. โรคที่ได้รับอันตรายจากสัตว์มีพิษ

นอกจากโรคภัยไข้เจ็บที่มาในช่วงหน้าฝน อันตรายจากสัตว์มีพิษที่พบเห็นได้บ่อยช่วงน้ำท่วม ไม่ว่าจะเป็นงู ตะขาบ หรือแมงป่อง ที่หนีน้ำท่วมเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านเรือนตามซอกมุมต่าง ๆ หรือหนีไปซุกอยู่ในรองเท้า หากไม่ระมัดระวังให้ดีเด็กเล็กภายในบ้านอาจถูกสัตว์เหล่านี้กัดหรือต่อยได้

วิธีป้องกันโรคประจำฤดูฝน

ดูแลรักษาความสะอาดในบ้าน จัดบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อไม่ให้สัตว์มีพิษมาอยู่อาศัย

นอกจาก 5 โรคที่เกิดกับเด็กช่วงหน้าฝนแล้ว ยังมีโรคอื่น ๆ ที่ต้องเฝ้าระวังในฤดูฝน อาทิ โรคน้ำกัดเท้าจากเชื้อรา โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน ไข้ไทฟอยด์ โรคปอดอักเสบ หรือโรคอาหารเป็นพิษจากการที่กินอาหารปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส เพราะฉะนั้นช่วงหน้าฝนอย่าลืมชักชวนสมาชิกภายในบ้านมาดูแลรักษาสุขภาพ โดยการออกกำลังกาย ทำร่างกายให้อบอุ่นไว้เสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ

ยิ่งเด็กยิ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคได้ง่าย สำหรับหน้าฝนนี้ฮักส์แนะนำ ประกันภัยพิเศษที่ครอบคลุมทั้งโรคไข้เลือดออกและโรคไข้หวัดใหญ่ เบี้ยประกันภัย 419 บาท คุ้มครองค่ารักษาแบบผู้ป่วยใน 30,000 บาท และผู้ป่วยนอก 500 บาท/วัน ส่วนใครที่กำลังมองหาประกันภัยสุขภาพมาช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาลที่นับวันยิ่งมีราคาสูงขึ้น ฮักส์แนะนำประกันภัยสุขภาพอุ่นใจรักษ์ โกลด์ ความคุ้มครองสูงสุด 5,000,000 บาทต่อครั้ง ดูแลเป็นพิเศษในโรงพยาบาลเครือ BDMS ไม่ต้องสำรองจ่าย ไม่ต้องกัวลเรื่องค่ารักษา ฮักส์ โบรกเกอร์ประกันภัยพร้อมให้คำแนะนำการเลือกซื้อประกันภัยสุขภาพที่เหมาะกับคุณมากที่สุด รวมถึงเปรียบเทียบสิทธิประโยชน์ที่คุณจะได้รับอย่างละเอียด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0 2975 5855

อ้างอิงข้อมูล: โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย