ติดโควิดกี่วันถึงตรวจเจอ เฝ้าระวังก่อนแพร่เชื้อต่อ
เขียนเมื่อวันที่ 06/10/2021
ระยะฟักตัวโควิด ใช้เวลากี่วันถึงแพร่เชื้อ
จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยที่ยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อแตะหลักหมื่น ประกอบกับการกลายพันธุ์ของไวรัส COVID-19 ทำให้หลายคนกังวลว่าตนเองติดเชื้อหรือไม่ เพราะปัจจุบันมีผู้ป่วยโควิดจำนวนมากที่ไม่แสดงอาการ ไม่แปลกที่หลายคนกังวลเรื่องนี้ ยิ่งถ้าใครเพิ่งไปพบปะหรืออยู่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อในระยะ 1 เมตร เกินกว่า 5 นาทีโดยไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย นั่นทำให้สถานะของคุณเปลี่ยนเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทันที และวันนี้ Hugs Insurance จะมาพูดถึงระยะฟักตัวโควิดคืออะไร ติดเชื้อโควิดกี่วันถึงตรวจเจอ สามารถตรวจเองได้หรือไม่ รวมถึงวิธีปฏิบัติตัวระหว่างรอผลตรวจ
ระยะฟักตัวโควิด คืออะไร มีระยะเวลากี่วัน
โรคโควิด-19 แพร่กระจายผ่านละอองเสมหะของผู้ติดเชื้อ
ระยะฟักตัวโควิด เป็นช่วงเวลาตั้งแต่ผู้ป่วยได้รับเชื้อจนถึงวันที่เริ่มมีอาการ โดยระยะฟักตัวโควิดเฉลี่ย 5-6 วัน แต่อาจเร็วได้ถึง 2 วัน นานที่สุด 14 วัน หรือนานถึง 21 วัน ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยแพทย์มักแนะนำให้ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงกักตัวอยู่บ้านอย่างน้อย 14 วันทันทีหลังเสี่ยงรับเชื้อ เนื่องจากระยะเวลาฟักตัวโควิด-19 ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ช่วงระยะฟักตัว สามารถแพร่เชื้อโควิดได้ไหม
สำหรับใครที่สงสัยว่าทำไมหลังเสี่ยงรับเชื้อโควิด-19 ถึงต้องรีบกักตัวทันที คำตอบ เพราะช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นระยะฟักตัวโควิดที่สามารถแพร่กระจายเชื้อได้ โดยไวรัส COVID-19 อาจแพร่กระจายสู่คนอื่นในช่วง 2-3 วันก่อนแสดงอาการป่วย ดังนั้นเพื่อไม่ให้เชื้อโควิด-19 แพร่กระจายเป็นวงกว้าง นอกจากแยกกักตัวแล้วผู้มีความเสี่ยงสูงควรรีบแจ้งเพื่อนหรือญาติที่สัมผัสใกล้ชิดแบบไม่ป้องกันตัวเข้ารับการตรวจหาเชื้อทันที
กลุ่มเสี่ยงติดโควิด ควรตรวจหาเชื้อกี่ครั้ง
กรมควบคุมโรคได้ประกาศแนวทางการตรวจ COVID-19 สำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดหรือผู้สัมผัสเสี่ยงสูงว่า ควรเข้ารับตรวจหาเชื้อโควิด-19 จำนวน 2 ครั้ง โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ครั้งที่ 1
เมื่อทราบว่ามีความเสี่ยงสูง เพราะผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่มีอาการ และอาจได้รับเชื้อมาระยะหนึ่งแล้ว ฉะนั้นยิ่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 เร็ว ทำให้แยกผู้ติดเชื้ออกมาได้เร็วขึ้น
ครั้งที่ 2
นับไปอีก 7 วัน หรือวันที่ 13 หลังสัมผัสโรค ขึ้นอยู่กับว่าถึงวันไหนก่อน เช่น ถ้าตรวจครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 5 + 7 = วันที่ 12 แสดงว่าคุณมีนัดตรวจหาเชื้ออีกครั้งในวันที่ 12 เพราะถึงก่อนวันที่ 13 นั่นเอง
ติดเชื้อโควิด-19 กี่วัน ถึงแสดงอาการป่วย
ปัจจุบันผู้ป่วยโควิด-19 ที่พบมีทั้งแบบแสดงอาการและไม่แสดงอาการ ทั้งมีอาการเริ่มต้นหลากหลายขึ้น ดังนั้นทุกคนจำต้องสังเกตความผิดปกติหลังจากรับเชื้อประมาณ 5 วันด้วยตนเอง ว่ามีสัญญาณเตือนของเชื้อไวรัสโควิด-19 ดังต่อไปนี้หรือไม่
- มีไข้สูง 37.2 องศาเซลเซียสขึ้นไป
- มีอาการคัดจมูก จาม และมีน้ำมูก
- รู้สึกแสบหรือเจ็บคอ
- มีอาการไอแห้งทั้งแบบมีเสมหะและไม่มีเสมหะ
- รู้สึกปวดหัวและอ่อนเพลียง่าย
- มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- คลื่นไส้อาเจียนและท้องเสีย
- มีอาการหอบเหนื่อยและหายใจลำบาก
- จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส
ผู้มีความเสี่ยงติดโควิดสูง ตรวจหาเชื้อเองได้ไหม
สำหรับผู้มีประวัติเสี่ยงสูงเพราะเดินทางไปพื้นที่เสี่ยงที่เพิ่งประกาศให้เป็นคลัสเตอร์ใหม่ หรือสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด-19 หากไม่สะดวกเดินทางไปตรวจ ณ จุดตรวจ COVID-19 ฟรี หรือสถานพยาบาลที่รับตรวจโควิด-19 สามารถซื้อชุดตรวจโควิดที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยา (อย.) มาตรวจคัดกรองเบื้องต้นด้วยตนเองได้ อาทิ
ชุดตรวจเชื้อโควิด-19 แบบเร่งด่วน
ชุดตรวจโควิด แบบ Antigen Test Kit
เป็นชุดตรวจโควิด-19 แบบเร่งด่วน ด้วยการ Swab เก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งทางจมูก ลึกถึงคอ หรือเก็บจากคอ เพื่อนำเชื้อไวรัสในเซลล์มาตรวจ
ชุดตรวจโควิด แบบใช้น้ำลาย
เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำได้ โดยมีความแม่นยำใกล้เคียงกับวิธีการเก็บตัวอย่างจากหลังโพรงจมูกหรือ Swab และที่สำคัญชุดตรวจโควิดแบบน้ำลายเหมาะกับผู้ที่อยากเจ็บตัวจากการแยงจมูก
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ ทุกคนควรระมัดระวังตัวอย่างเคร่งครัด ด้วยการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือเมื่อจับจุดสัมผัสร่วมกัน หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีผู้คนแออัด เว้นระยะห่างระหว่างกัน และเมื่อกลับถึงบ้านให้รีบอาบน้ำทันที เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อของตัวคุณรวมถึงคนในครอบครัว
สำหรับใครที่อยากลดความกังวลช่วงวิกฤตโควิด-19 การเลือกทำประกันภัยสุขภาพและประกันภัยโควิด-19 ถือเป็นการสร้างความมั่นใจว่า คุณจะได้รับความคุ้มครองเรื่องค่าใช้จ่ายยามเจ็บป่วย เงินชดเชยรายได้เมื่อพักรักษาตัวในโรงพยาบาล หรือคุ้มครองกรณีโคม่าจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ฮักส์มีผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่หลากหลายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตในยุคโควิดให้เลือกครบ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0 2975 5855
อ้างอิงข้อมูล : WebMD, กรมควบคุมโรค