สาว ๆ ต้องรู้! 9 โรคที่พบในผู้หญิงมากที่สุด
เขียนเมื่อวันที่ 15/06/2021
เช็คให้ดี...โรคที่ผู้หญิงต้องระวังมีอะไรบ้าง
อย่างที่ทราบกันดีว่าเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงเชื้อโรคต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้ 100% เพราะฉะนั้นการหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพให้ห่างไกลจากโรคร้าย จึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะร่างกายของผู้หญิงที่มีความเปลี่ยนแปลงจากวัยเด็กเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ วัยผู้ใหญ่ และวัยหมดประจำเดือน ควรสังเกตถึงความผิดปกติในร่ายกาย เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายที่ไม่คาดฝัน หากตรวจพบเร็วก็มีโอกาสรักษาหาย แต่หากตรวจพบในระยะลุกลามความหวังที่จะหายจากโรคอาจเป็นไปได้ยาก
การรู้จักร่างกายตัวเองเป็นอย่างดีและเห็นความผิดปกติตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้การรักษาง่ายดายมากยิ่งขึ้น ร่างกายของผู้หญิงมีความซับซ้อนและมีหลายโรคที่มักเกิดเฉพาะกับผู้หญิง หรือเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ผู้หญิงจึงควรรู้จักโรคที่มักเกิดในผู้หญิง อาการเบื้องต้น และวิธีการป้องกันและรักษาโรคเหล่านั้นอย่างถูกวิธี เพื่อเพิ่มโอกาสในการหายจากโรคนั้น ๆ ได้ ซึ่งโรคเหล่านี้มักจะมีสาเหตุมาจากความผิดปกติด้านฮอร์โมนและพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงของตัวเอง ผู้หญิงไม่ควรมองข้ามโดยเด็ดขาด
สำหรับโรคที่มักพบในผู้หญิงและควรระวังตัวเองไม่ให้ตกอยู่ในกลุ่มเสี่ยงมีดังนี้
อันตรายของโรคร้ายที่ผู้หญิงต้องระวัง
1. มะเร็งเต้านม
เป็นโรคมะเร็งอันดับหนึ่งที่พบมากในผู้หญิงไทย สาเหตุของโรคคือมาจากพันธุกรรม การกลายพันธุ์ของยีนส์ BRCA การสัมผัสกับเอสโตรเจนเป็นเวลานาน รวมถึงเคยมีประวัติเป็นมะเร็งรังไข่ นอกจากนี้การที่มีน้ำหนักตัวมาก ไม่หมั่นออกกำลังกาย รวมถึงดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็เป็นตัวกระตุ้นเช่นกัน ความเสี่ยงของโรคจะเพิ่มขึ้นตามอายุ โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป เพื่อลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งเต้านม ผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปควรเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม และทำอัลตราซาวด์ทุก 1-2 ปี
2. มะเร็งปากมดลูก
เป็นมะเร็งลำดับ 2 ที่พบมากในผู้หญิง สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อ HPV (Human Papillomavirus) ไวรัสที่ติดต่อทั้งจากการมีเพศสัมพันธ์และไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย เปลี่ยนคู่นอนบ่อย มีบุตรหลายคน สูบบุหรี่ รวมถึงระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง ก็เป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคได้เช่นกัน ช่วงอายุที่มีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกมากที่สุดคือ 40-50 ปี เพราะฉะนั้นหากพบความผิดปกติของร่ายกาย อาทิ ประจำเดือนมานานผิดปกติ หรือมีเลือดออกในระหว่างที่หมดประจำเดือน รวมถึงตกขาวมีกลิ่น ควรรีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการและรักษาได้อย่างทันท่วงที
3. โรคมะเร็งปอด
สาเหตุของโรคเกิดจากการสูบบุหรี่ หรือสัมผัสควันบุหรี่เป็นระยะเวลายาวนาน อาการที่บ่งชี้ว่ามีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งปอดคือรู้สึกเหนื่อยหอบ หายใจติดขัด มีภาวะติดเชื้อในปอด เสียงแหบ เจ็บหน้าอก และน้ำหนักลดลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ อาการจะชัดเจนขึ้นเมื่อเข้าสู่ในระยะที่ 3-4 เพราะฉะนั้นผู้ที่สูบบุหรี่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป หรือเลิกสูบไม่เกิน 15 ปี รวมถึงคนที่ใกล้ชิดกับผู้สูบบุหรี่ ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพคัดกรองโรคมะเร็ง เพราะหากรู้เร็วหรือเป็นในระยะเริ่มต้นจะได้มีโอกาสรักษาหาย
4. มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
เป็นโรคมะเร็งที่มีความเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนของเพศหญิง อาการที่เป็นสัญญาณเตือนของโรคคือประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือมีเลือดออกบริเวณช่องคลอดทั้งที่หมดประจำเดือนแล้ว นอกจากนี้ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน หรือน้ำหนักเกินเกณฑ์ มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกมากกว่าคนปกติอีก หากพบความผิดปกติของร่ายกายดังข้างต้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุได้ทันท่วงที
5. มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
เป็นมะเร็งที่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดโรค ผู้ที่เสี่ยงมากที่สุดคือมีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป หรือเคยตรวจพบว่ามีติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่มาก่อน รวมถึงคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และมีประวัติเป็นโรคลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง นอกจากนี้การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ไม่ออกกำลังกาย น้ำหนักเกิน หรือทานอาหารที่มีไขมันสูง ก็มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เช่นกัน สำหรับอาการของโรคจะไม่ออกในระยะเริ่มต้น แต่เมื่อนานไปจะมีอาการท้องเสีย ท้องผูก ขับถ่ายออกไม่หมด ปวดท้องแบบไม่ทราบสาเหตุ มีเลือดปนมากับอุจจาระ รู้สึกคลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลีย น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ และโลหิตจาง เพื่อป้องกันความเสี่ยงของโรคดังกล่าว หรือร่างกายมีอาการผิดปกติดังข้างต้น ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้โดยเร็ว
6. โรคเนื้องอกมดลูก
เป็นโรคที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม ส่งผลให้รู้สึกอ่อนเพลียและเหนื่อยง่ายเนื่องจากมีภาวะซีด ความรุนแรงขึ้นอยู่กับตำแหน่งของเนื้องอก ดังนี้
- เนื้องอกบริเวณใต้เยื่อบุโพรงมดลูก : ทำให้ประจำเดือนมามากกว่าปกติและมีหลายวัน
- เนื้องอกบริเวณด้านหน้าใต้กระเพาะปัสสาวะ : ทำให้ปวดปัสสาวะบ่อยหรือปัสสาวะลำบาก
- เนื้องอกบริเวณด้านหลัง : เนื้องอกจะไปกดที่ลำไส้ใหญ่ส่งผลให้เกิดอาการท้องผูก
- เนื้องอกขยายไปทางด้านข้าง : เนื้องอกไปกดที่ท่อไตทำให้การทำงานของไตเสีย
- เนื้องอกบริเวณด้านบนมดลูก : ไม่แสดงอาการจะตรวจพบเมื่อก้อนเนื้องอกมีขนาดใหญ่
7. ถุงน้ำหรือซีสต์ที่รังไข่
เกิดจากเซลล์ในรังไข่พบได้ 2 ชนิดคือ ถุงน้ำที่เกิดจากเซลล์ผิวของรังไข่ และถุงน้ำที่เกิดจากเซลล์ผิวหนัง ในระยะเริ่มแรกจะไม่มีอาการแต่ถุงน้ำจะใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ หากใหญ่ขึ้นจนแกว่งตัวได้จะทำให้เกิดการบิดที่ขั้วรังไข่ ส่งผลให้มีอาการปวดท้องน้อยเฉียบพลัน เริ่มแรกจะปวดเป็นพัก ๆ แล้วหาย แต่หากมีการบิดขั้วรังไข่หมุนกลับไปตำแหน่งเดิมอาจทำให้เกิดการปวดท้องที่รุนแรง ส่งผลให้รังไข่มีเลือดคั่งและปวดท้องจนทนไม่ไหว ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน
8. โรคมดลูกโตจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
สาเหตุเกิดจากมีเซลล์ของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญในชั้นกล้ามเนื้อของมดลูก ในระหว่างที่มีประจำเดือนเซลล์จะสลายทำให้ชั้นกล้ามเนื้ออักเสบ และกระตุ้นให้เกิดการบีบรัดของตัวมดลูก ทำให้ปวดท้องระหว่างมีประจำเดือน รวมถึงหลังหมดประจำเดือนจะเกิดพังพืดที่บริเวณชั้นกล้ามเนื้อ ส่งผลให้มดลูกมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น มีส่วนทำให้เกิดอาการปวดเรื้อรัง รู้สึกปวดหน่วงคล้ายกับอาการปวดระหว่างมีประจำเดือน หากปล่อยทิ้งไว้อาจก่อให้เกิดอันตรายที่ยากต่อการรักษา
9. ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่และช็อกโกแลตซีสต์
เป็นโรคที่เกิดมากับเลือดประจำเดือนและพบมากในผู้หญิงวัยเจริญพันธ์ สาเหตุของโรคเกิดจากการมีประจำเดือนเร็วและมีนานกว่าปกติ รวมถึงมีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ทำให้เกิดพังผืดในอุ้งเชิงกราน เมื่อเกิดถุงน้ำขนาดเล็กที่มีของเหลวเหมือนช็อกโกแลตเบียดรังไข่และขยายใหญ่จนกลายเป็นถุงน้ำขนาดใหญ่ขึ้น จะทำให้เกิดอาการปวดประจำเดือนมากกว่าปกติ และรู้สึกปวดมากขึ้นในขณะมีเพศสัมพันธ์ รวมถึงมีอาการปวดเรื้อรังเป็นเวลานาน ในกรณีที่กระจายไปยังกระเพาะปัสสาวะหรือลำไส้ใหญ่ ทำให้เกิดอาการถ่ายปัสสาวะอุจจาระปนเลือด ที่สำคัญคือมีส่วนทำให้มีบุตรยากอีกด้วย
โรคภัยไข้เจ็บมักเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือมาพร้อมกับโรคร้ายที่ไม่คาดฝัน เพราะฉะนั้นการหมั่นตรวจสุขภาพประจำปี รวมถึงทำประกันภัยมะเร็งจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย ฮักส์มีแผนประกันภัยสุขภาพจากหลายบริษัทประกันชั้นนำที่น่าสนใจ เบี้ยเริ่มต้นเพียง 2,160 บาทต่อปี พร้อมให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุม หมดกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายหากต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2975 5855
อ้างอิงข้อมูล : bangkokhospital, bumrungrad