2 เหตุผลที่คนเป็นเบาหวาน ตาอาจบอดได้
เขียนเมื่อวันที่ 26/07/2021
ป่วยเป็นเบาหวาน ตาอาจบอดได้จริงหรือ
รู้หรือไม่ว่าทุกคนล้วนมีความเสี่ยงป่วยเป็นโรคร้ายแรงด้วยกันทั้งนั้น หากไม่ใส่ใจดูแลสุขภาพ และสำหรับใครที่ชอบทานรสหวานจัด หรืออาหารที่มีแป้งและไขมันมากแล้วไม่หมั่นออกกำลังกาย รวมถึงมีคนในครอบครัวป่วยเป็นเบาหวาน ถือเป็นกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวาน ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคืออาจมีโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา อาทิ โรคความดันโลหิตสูง โรคไต โรคเกี่ยวกับตา โรคของระบบประสาทโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงโรคหลอดเลือดส่วนปลาย อีกทั้งยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรค ดังนี้
- ความอ้วนเนื่องจากไม่หมั่นออกกำลังกายส่งผลให้การตอบสนองของอินซูลินลดลง
- เมื่ออายุมากขึ้นทำให้การสังเคราะห์และการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินลดลง
- ผู้ป่วยโรคตับอ่อนหรือได้รับการผ่าตัดตับอ่อนจะทำให้การหลั่งอินซูลินลดลง
- การติดเชื้อไวรัสบางชนิด อาทิ คางทูม หรือหัดเยอรมัน มีส่วนทำให้การหลั่งอินซูลินลดลง
- การได้รับยาสเตียรอยด์ ยาขับปัสสาวะ รวมถึงยาคุมกำเนิดทำให้สร้างน้ำตาลมากขึ้น รวมถึงการตอบสนองของอินซูลินลดลงได้เช่นกัน
- การตั้งครรภ์ทำให้สร้างฮอร์โมนจากรกหลายชนิดส่งผลให้มีฤทธิ์ต้านการทำงานของอินซูลิน
และอีกหนึ่งความโชคร้ายหากตรวจพบว่าเป็นโรคเบาหวานคือ มีความเสี่ยงทำให้ตาบอดได้อีกด้วย เนื่องจากร่างกายไม่สามารถเก็บสะสมน้ำตาลได้ตามปกติ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเส้นเลือดของอวัยวะรวมถึงจอประสาทตา ผู้ป่วยโรคเบาหวานจึงเป็นต้อกระจกเร็วกว่าคนปกติ
ข้อควรรู้! 2 เหตุผลที่คนเป็นเบาหวานเสี่ยงตาบอด
- ผู้ที่ป่วยโรคเบาหวานมานานหลายปี ผนังหลอดเลือดในจอประสาทตาจะเกิดความผิดปกติ มีเม็ดเลือด น้ำเหลือง และไขมันซึมออกมาจากในจอประสาทตา ทำให้เกิดอาการบวม หากขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน มีส่วนทำให้เส้นเลือดที่งอกใหม่มีเลือดออกมา ส่งผลให้น้ำวุ้นในตาขุ่นมัว จอประสาทตาลอก และเป็นเหตุให้ตาบอดได้
- ผู้ป่วยเบาหวานมักเป็นต้อกระจกเร็วกว่าคนปกติและอาจถึงขั้นตาบอดได้ ซึ่งผู้ป่วยโรคเบาหวานมานาน กว่า 15 ปี มีโอกาสตาบอดได้ถึง 25 เท่า
โรคเกี่ยวกับดวงตา ที่เกิดจากเบาหวานมีอะไรบ้าง
เบาหวานขึ้นตาทำให้เสี่ยงตาบอด
นอกจากนี้เบาหวานยังทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับดวงตาที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนี้
เบาหวานขึ้นจอรับภาพ : เกิดจากเส้นเลือดที่เลี้ยงจอรับภาพถูกทำลาย มีความเสี่ยงทำให้ตาบอด
ต้อกระจก : สาเหตุเกิดจากเลนส์ขุ่นมัวไม่ใสเหมือนก่อน ซึ่งผู้ป่วยเบาหวานมีโอกาสเป็นมากกว่าคนปกติ 2 เท่า
ต้อหิน : เกิดจากความดันลูกตาสูงขึ้น ส่งผลให้ไปทำลายที่ขั้วประสาทตา
จอประสาทตาเสื่อม : ในระยะแรกจะไม่มีอาการ แต่พอนานเข้าตาจะเริ่มมัวและมีอาการมองเห็นที่ผิดปกติ
นอกจากนี้สิ่งที่ผู้ป่วยเบาหวานต้องเผชิญคือการเปลี่ยนแปลงของจอตา ซึ่งส่งผลต่อมองเห็นอย่างมาก โดยแบ่งเป็น 2 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1 : เส้นเลือดที่จอรับภาพเกิดการเปลี่ยนแปลง บางเส้นขนาดเล็กลง บางเส้นใหญ่โป่งพองขึ้นมา หรือบางเส้นตีบทำให้อุดตันการไหลเวียนของเลือด ส่งผลให้มีเลือดและน้ำซึมออกมา และมีส่วนทำให้จอรับภาพบวม โดยเป็นระยะที่ไม่รุนแรงมาก แต่หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้รับการรักษาจะทำให้เกิดตาพร่ามัว และบานปลายถึงขั้นที่รุนแรงอย่างมาก
ระยะที่ 2 : เส้นเลือดบนผิวจอตาเกิดใหม่ ทำให้เปราะแตกมีเลือดไหลออกมาในน้ำวุ้น ส่งผลให้แสงผ่านจากเลนส์ไปที่จอตาได้ไม่ดี อีกทั้งยังมีส่วนทำให้พังผืดเนื้อเยื่อดึงรั้งจอรับภาพลอกหลุดออกมาอีกด้วย
เบาหวานไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป หากไม่อยากป่วยเพราะอาหารจานโปรดเป็นต้นเหตุ ควรใส่ใจดูแลสุขภาพ เลือกรับประทานอาหารมีประโยชน์ รวมถึงหมั่นตรวจเช็คสุขภาพ อีกทั้งการทำประกันภัยสุขภาพก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน เพราะโรคร้ายบางชนิดมักมาเยือนแบบไม่ทันตั้งตัว หากมีประกันไว้จะได้อุ่นใจ ไม่กังวลเรื่องค่ารักษาในอนาคต ฮักส์มีประกันภัยสุขภาพที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ เบี้ยเริ่มต้นเพียง 2,160 บาท/ปี พร้อมให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2975 5855 ยินดีให้ปรึกษาเพื่อให้ได้ประกันที่ดีเหมาะสมสำหรับคุณ
อ้างอิงข้อมูล : bangkokhealth, paolohospital