ไม่ลำบากยามฉุกเฉิน วิธีเก็บเงินมนุษย์เงินเดือน 15,000
เขียนเมื่อวันที่ 26/10/2021
ออมเงินเพื่ออนาคต สร้างความมั่นคงในชีวิต
เมื่อก้าวเข้าสู่วัยทำงานแบบเต็มตัว ถือเป็นการเริ่มต้นเข้าโหมดผู้ใหญ่ที่ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น ต้องใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท มีสติ และเก็บเงินสำหรับใช้จ่ายยามฉุกเฉิน เพราะหากใช้จ่ายแบบสุรุ่ยสุร่ายมีหวังความลำบากมาเยือนเป็นแน่ ยิ่งใครที่ออกมาใช้ชีวิตคนเดียวหรือเป็นเสาหลักของครอบครัว ล้วนมีค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบทุกเดือน อาทิ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าห้องพัก ค่าใช้จ่ายรายวัน ค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่น ๆ รวมถึงค่ารักษาพยาบาล หากไม่ออมเงินเอาตั้งแต่วันนี้อาจเกิดความยากลำบากได้ในอนาคต
สำหรับใครที่เพิ่งเริ่มทำงานแล้วมีฐานเงินเดือน 15,000 บาท เพียงใช้จ่ายอย่างประหยัด ก็สามารถมีเงินเก็บเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินได้เช่นกัน
วิธีเก็บเงินแบบฉบับมนุษย์เงินเดือน 15,000
ใครบอกว่าเงินเดือน 15,000 บาทจะมีเงินเก็บไม่ได้ เพียงแค่วางแผนการใช้จ่ายในแต่ละเดือน เท่านี้ก็ทำให้มีเงินเก็บเอาไว้ใช้จ่ายได้โดยไม่ต้องเป็นกังวล สามารถทำตามได้ดังนี้
วิธีเก็บเงินสำหรับมนุษย์เงินเดือน
1. วางแผนการใช้จ่ายในแต่ละเดือน
ลิสต์รายการที่ต้องจ่ายทุกเดือน อาทิ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าห้องพัก ค่าโทรศัพท์ ค่าเดินทาง ฯลฯ แล้วแยกเงินก้อนนี้ออกมาเพื่อจะได้ไม่ไปรวมกับเงินที่ใช้จ่ายประจำวัน หลังจากนั้นให้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายเอาไว้ จะได้รู้ว่าในแต่ละเดือนใช้เงินไปเท่าไหร่ หรือใช้ไปกับอะไรบ้าง สิ่งที่สำคัญคือการหักห้ามใจไม่ซื้อของที่ยังไม่จำเป็น ควรเก็บเงินส่วนนี้ไว้สำหรับใช้จ่ายยามฉุกเฉิน
2. เก็บเงินก่อนใช้
วันแรกที่เงินเดือนออกควรนำเงินส่วนหนึ่งเก็บเข้าบัญชีสำหรับเงินออมทันที โดยเริ่มจาก 10% ของเงินเดือน หากเงินเดือน 15,000 บาท ให้เก็บเดือนละ 1,500 บาท แนะนำให้ฝากเงินแยกกับบัญชีที่ใช้จ่ายประจำและไม่มีบัตรเอทีเอ็ม เพื่อให้ไม่ง่ายต่อการนำเงินออกมาใช้ ถือเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมจะได้มีเงินเก็บตามเป้าหมายที่วางไว้
3. จ่ายไปเท่าไหร่ต้องเก็บเท่านั้น
หากเดือนนี้ใช้จ่ายเกินงบที่วางแผนไว้ ก็ต้องเก็บเงินให้เท่ากับจำนวนที่ใช้ อาทิ ซื้อกระเป๋าใบละ 1,000 บาท ก็ต้องหักเงินในบัญชีแล้วโยกไปที่บัญชีเงินออม 1,000 บาททันที ถือเป็นการฝึกวินัยตัวเองไม่ให้ใช้จ่ายแบบสุรุยสุร่าย
4. คิดให้ดีก่อนซื้อ
ถ้าไม่อยากเงินช็อตช่วงกลางเดือนเพราะใช้จ่ายแบบไม่ยั้งคิด ก่อนตัดสินใจซื้อของแต่ละชิ้น ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง หรือของใช้อื่น ๆ ควรไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนว่าสิ่งนี้จำเป็นหรือไม่ แล้วเปรียบเทียบว่าหากซื้อของชิ้นนี้ เราจะได้อะไรที่มูลค่าเท่ากันแต่ปริมาณมากกว่าและคุ้มกว่าหรือเปล่า
5. วางแผนอนาคต
ไม่มีใครทำงานประจำไปได้ตลอดชีวิต หากเข้าสู่ช่วงวัย 60 ก็ถึงคราวเกษียณตามอายุงาน เพราะฉะนั้นควรวางแผนเรื่องเงินที่จะเก็บเอาไว้ใช้จ่ายในอนาคตตั้งแต่เนิ่น ๆ นอกจากนี้การหารายได้เสริม หรือเริ่มต้นวางแผนทำธุรกิจเล็ก ๆ เพื่อจะได้มีเงินหมุนเวียนและมีเงินเก็บมากขึ้นก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน
ถ้าไม่อยากลำบากหรือเดือนร้อนเรื่องเงิน ควรเริ่มต้นเก็บเงินตั้งแต่วันนี้ เพราะหากเกิดเรื่องไม่คาดฝัน อาทิ เจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุจะได้มีเงินสำรองจ่ายสำหรับค่ารักษาพยาบาล ทั้งนี้ทั้งนั้น การทำประกันภัยสุขภาพก็มีส่วนช่วยคลายความกังวลเรื่องเงินไปได้เช่นกัน เนื่องจากให้ความคุ้มครองอย่างครอบคลุมในเรื่องค่ารักษาพยาบาล และมีเงินชดเชยรายได้เมื่อขาดงานในระหว่างที่พักรักษาตัวอีกด้วย
ข้อดีของการเก็บเงิน ไม่ลำบากยามฉุกเฉิน
เก็บเงินไว้ใช้ยามฉุกเฉินอนาคตไม่ลำบาก
- การมีเงินเก็บเอาไว้ถือเป็นหลักประกันว่าในอนาคตจะไม่ลำบาก และไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายฉุกเฉินที่ไม่คาดฝัน อาทิ ค่ารักษาพยาบาล หรือค่าซ่อมบ้าน
- เก็บเงินสำหรับสร้างเนื้อสร้างตัวมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ถือเป็นการต่อยอดความสำเร็จในหน้าที่การงาน สร้างความมั่นคงในชีวิต
- เมื่อถึงคราวเกษียณตามอายุงานมีเงินใช้ไม่ลำบากยามแก่เฒ่า
- ไม่เป็นภาระของคนในครอบครัวหรือลูกหลานในอนาคต
- มีชีวิตที่ดีไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินที่สร้างภาระค่าใช้จ่ายหนักขึ้นไปอีก
การเก็บเงินตั้งแต่เริ่มทำงานถือเป็นการวางแผนเพื่อมีอนาคตที่ดีและสร้างความมั่นคงในชีวิต เพราะทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งไม่แน่นอน หากเจ็บป่วยฉุกเฉินจะได้มีเงินรักษาตัว หนำซ้ำมีโรคอุบัติใหม่เกิดขึ้นมา รวมถึงเชื้อไวรัสโควิด-19ก็ยิ่งไม่ควรประมาทในการใช้จ่าย และอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นหลักประกันชั้นดีคือการทำประกันภัยสุขภาพ เพื่อให้ความคุ้มครองค่ารักษายามเจ็บป่วยในอนาคต ฮักส์มีประกันภัยสุขภาพเบี้ยเริ่มต้นเพียง 2,160 บาท/ปี วงเงินคุ้มครองสูงสุด100,000 บาท/ครั้ง/โรค สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2975 5855 พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับประกันภัยที่คุณสนใจ